หน้าตาตู้ซื้อบัตร
ประเภทตั๋วแบบต่างๆ
เอากันชัดๆแบบไหน เรทราคาเท่าไหร่บ้าง สำหรับการซื้อครั้งแรกจะมีค่าบัตรด้วย 2 เหรียญ
ราคาบัตรซื้อเป็นวันคุ้มกว่าซื้อเป็นเที่ยว เพราะ ค่าตั๋ว 1 วัน ราคาเท่าค่ารถไป-กลับเลย
การขึ้นรถ 1 เที่ยวราคา $2.5 ไปกลับก็ $5 ราคาเท่าตั๋ว 1 วันที่ $5
ตลกอยู่อย่างตอนที่เราถาม จนท. รร.ว่า ตั๋วรถมีแบบไหนบ้าง เค้าบอกมีแต่รายวันกับรายเดือนแล้วก็เป็นรายครั้ง มีเท่านี้ แต่ว่ามาดูที่ตู้มันมีหลายแบบอยู่น๊าาา พอเล่าให้น้องๆที่เรียนที่นี่ฟัง น้องเค้าก็บอก เอ๋า มีแบบนี้ด้วยเหรอพี่ นู๋พึ่งรู้ หลงซื้อแบบรายวันกับรายเดือนมาตั้งนาน - -* คือเมนูนี้มันจะต้องกดเลือกเข้ามาอีกข้างในเมนู Day Pass แล้วก็ต้องเข้ามาดู เปรียบเทียบราคา Day Pass แบบต่างๆอีกที
ซื้อแบบ 4 วัน $15 +ค่าบัตร $2 เป็น $17 บัตรที่ได้เป็นพลาสติกแข็งลักษณะคล้ายบัตร CTA ของ Chicago
ที่ตี๊ดบัตร (แปะบัตรเพื่อจ่ายตังค์)
เวลาใช้ก็ตี๊ดบัตรตรงนี้ มันจะแจ้งด้วย
แผนที่และตารางเดินรถ
รถไฟมาแล้ววว ใหม่มากกกกกกกกก
ประตูไม่ เปิดอัตโนมัติ ต้องกดปุ่มนะจ๊ะ
ภายในค่อนข้างสะอาดมาก ต่างกับ Chicago จริงๆ เบาะเงาวับเลย ><
จะลงก็ต้องกดปุ่มนะจ๊ะ ไม่งั้นประตูไม่เปิด ^ ^"
ลงจากรถไฟก็เดินมาขึ้นรถบัสต่อ เราจะขึ้นสาย 30 ก็เดินตามป้ายเลย
แผนที่เอาไว้ดูว่าเราอยู่ตรงไหน รอบๆมีอะไรบ้าง
จะไปขึ้นรถบัส ตรงมุดลงอุโมงค์ข้ามไปอีกฝั่ง
รถบัสก็ใหม่ไม่แพ้รถไฟเลย
ดูซิแถวนี้น้ำมันราคาเท่าไหร่ ข้างบนสุดเป็นแบบ ธรรมดา แล้วไล่มาแบบไม่ธรรมดา อิอิ
สภาพภายในรถสะอาดสะอ้าน
ชอบบ้านนี้อะ ดูแปลกตาดี ถ่ายมาระหว่างทาง
ถึงละ กำลังจะเดินไปหาทะเล
ด้านหน้านี่เป็นพวกร้านค้า ร้านอาหารนะ แต่พอเดินเข้ามาในซอยก็เจอทางลงไปทะเลแบบนี้
เก็บภาพระหว่างทาง
เจอทะเลแล้วววววว
สวยอ๊าาาาาาาาาาาาาาาาา ><
มองไปไกลๆ (ซูมกล้องเอาขี้เกียจเดิน อิอิ)
อีกฝั่ง มีทางลงไปหาด
คนมาเดินเล่นกันเยอะเหมือนกัน
ตอนไปไม่เห็นเจ้าตัวนี้ซักตัว เห็นแต่คนเกยตื้น
คนมาเดินเล่น จูงน้องหมามาเยอะเหมือนกัน
ตรงนี้ดูคล้ายๆสวนสาธารณะริมทะเลอะ กลิ่นทะเลหอมอ่อนๆ ย้ำว่าหอม มันไม่ใช่กลิ่นเค็มๆแบบบ้านเรา บอกไม่ถูกอะ เมื่อก่อนตอนอยู่ไทย ไม่คิดอยากอยู่เมืองที่ติดทะเลนะ เพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบกลิ่นเค็มๆกับความรู้สึกเหนียวๆเวลาปะทะลมทะเล แต่ที่นี่ตรงกันข้ามอะ
แดดเหมือนจะแรง แต่ไม่ร้อน อากาศเย็นกำลังสบาย (แต่บางทีก็แอบหนาวนะ ควรมีเสื้อคลุม) ไม่รู้สึกเหนียวตัวแบบที่ไทย อาจจะเพราะอากาศเค้าแห้งกว่าไม่ได้อยู่ในเขตร้อนชื้นแบบบ้านเรา กลิ่นทะเลก็ไม่เค็ม หรือเพราะแถวนี้ไม่มีเรือประมงก็ไม่รู้ (เกี่ยวรึป่าวไม่รู้นะ เดาเอาเองล้วนๆ ^ ^")
ทางกลับ
รู้สึกแปลกใจอยู่อย่างนึงตรงที่ว่า กูเกิ้ลแจ้งเวลาการเดินทางไว้ 1 ชม.แต่ทำไมเรารู้สึกว่ามันนั่งรถไม่นานก็ถึงก็ไม่รู้ อย่างตอนนั่งรถไฟ ตอนนั่งไปต่อบัสนี่ มันห่างกันแค่ 2 สถานีเอง รู้สึกแบบ วิ่งแป๊บๆก็ถึงละ ตอนนั่งบัสเหมือนกัน มองวิวเพลินๆแป๊บๆก็ อ๊ะ ถึงละเหรอ (สงสัยที่นานนี่นานเวลารอรถกับเวลาเดิน)
รถบัสที่นี่ ช่วงกลางวันจะขึ้นว่า มาทุก 15 นาที ซึ่งเราว่ามันก็ไม่ได้นานอะไรนะ Chicago บางทีก็รอประมาณนี้ แต่จะมีแค่ช่วงเย็น ที่มันจะขึ้นว่ามาทุก 30 นาที อันนี้อาจจะต้องรอนานหน่อย แต่ถ้าใครอยู่ ต่างจังหวัดที่ไทย อารมณ์แบบว่ารถเมย์นานๆมาคัน นี่ เรื่องปกติเลย จิ้มๆเล่นมือถือไป ซักพักรถก็มา เหมาะกับคนนั่งรถแบบชิลๆไม่ได้เร่งรีบอะไรมาก
นั่งรถกลับละ ถ่ายรูประหว่างทาง วิวสวยอะ ชิลมาก ขากลับ กลับคนละทางกับทางเดิม ผ่าน Sea World ด้วย
ไม่ติดว่าเย็นแล้วก็ว่าจะลงแวะไปเดินเที่ยวเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเริ่มหิวอยากกลับบ้านละ แหะๆ
กลับมาไม่รู้จะกินอะไร เลยเดินไปใกล้ๆที่พัก ร้านเดิมที่น้องๆเคยพามากิน The Kebab Shop
เมนหลักเมนูนี้อยู่ที่เนื้อเสียบไม้ย่าง อยู่ที่ว่าเราจะเลือก เอา ไก่ กุ้ง หรือเนื้อวัว ส่วนตามรูปเป็นไก่ แล้วเค้าให้เลือก side ได้ 2 อย่าง เราก็เลือก เฟรนน์ฟราย กับข้าว ขอบอกว่าข้าวไม่เหมือนข้าวไทยอะ โดยส่วนตัวไม่ค่อยปลื้มกับข้าวเท่าไหร่ ดูในรูปเหมือนไม่เยอะนะ แต่ว่ากล่องใหญ่มาก ขนาดกล่องก็น่าจะประมาณ เน็ตบุ๊ต 13-14" ได้ สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆแบบเรากินทีเดียวไม่หมดอะ ><
หมดไปอีกวัน ทีแรกว่าจะเขียนของวันที่ 25-27 เลย แต่ว่าเท่านี้ก็รูปเพียบละ เขียนเท่านี้ก่อนละกัน เดี๋ยวจะมาต่อของวันที่เหลืออีกทีนะจ๊ะ
เขียน+ภาพถ่ายโดย LinZ : KhonThaiAmerica.com
ช่วงขายของอีกแล้ว อิอิ ใครสนใจมาเรียนภาษาที่อเมริกา ไม่รู้จักใคร ก็ไม่มีปัญหานะคะ ทางเราสมัครเรียนให้ ได้ราคาค่าเรียนพิเศษถูกกว่าสมัครเอง ช่วยทำเอกสารเตรียมตัวสัมภาษณ์วีซ่า แถมมาอเมริกายังมี
คนไปรับคอยดูแลให้คำปรึกษา ช่วยหาที่พัก แล้วก็พาเที่ยวด้วย คุ้มสุดๆ
สนใจติดต่อได้นะคะ คะ คะ คะ คะ ( กรุณา อ่านออกเสียงแอคโค่วด้วย แล้วจะได้อารมณ์ ฮี่ๆ) แล้วเจอกันต่อในภาคต่อนะจ๊ะๆ รับรองว่ามีอะไรเด็ดๆอีกเพียบ ! คริคริ