KhonThai America : คนไทยในอเมริกา
ชื่อกระทู้: 6 วิธีรับมือกับอาการ Homesick [สั่งพิมพ์]
โดย: ice999 เวลา: 2015-6-4 19:48
ชื่อกระทู้: 6 วิธีรับมือกับอาการ Homesick
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2015-6-8 14:08
มีใครเคยเกิดอาการ Homesick หรือเป็นโรคคิดถึงบ้านกันบ้างมั้ยคะ เด็กที่ไปเรียนต่อต่างประเทศมักจะเกิดอาการนี้กันไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะคนที่ต้องไปอยู่นานกว่า 6 เดือน มักจะเกิดอาการนี้ช่วงเดือนที่ 2 หรือ 3 ฉะนั้นถ้าใครมีอาการคิดถึงบ้านมากจนไม่อยากทำอะไรแล้ว อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองไม่เข้มแข็งนะคะ อาการแบบนี้ใครๆ ก็เป็นกันค่ะ ฉะนั้นก็มีคนหาวิธีแก้ได้บ้างแล้ว ไปดูกันดีกว่าว่าเราจะรับมือกับมันอย่างไร
เมื่อไหร่ที่การคิดถึงบ้านเฉยๆ กลายเป็นโรคโฮมซิก???
-ซึม เศร้า เหงา หว้าเหว่ แม้จะอยู่กับคนอื่นแต่รู้สึกโหวงๆ ในใจ
-รู้สึกว่าอยู่ผิดที่ผิดทาง อยากกลับบ้าน เริ่มคิดว่าต้องทนอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่เนี่ย
-เวลายิ้ม หรือหัวเราะกับคนที่นี่ จะรู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มปั้นแต่ง ไม่ได้มาจากใจจริงๆ
-เก็บตัว ตีตัวออกห่างจากทุกคน
-คิดถึงอะไรก็ตามที่เป็น “ไทย” อย่างไม่มีสาเหตุ
-จากที่ทานน้อย อาจจะทานทุกอย่างที่ขวางหน้า หรือจากทานปกติก็กลายเป็นไม่อยากทานอะไรเลย
วิธีแก้อาการโฮมซิก
1.โทรหาที่บ้าน
จะวิดีโอคอลด้วย Skype, Tango หรืออะไรก็ตามสะดวกเลยค่ะ พยายามจัดตารางให้ได้คุยกับที่บ้านประมาณสัปดาห์ละครั้ง แล้วเล่าเรื่องราวที่เราเจอในสัปดาห์นั้น และให้ที่บ้านอัพเดตข่าวจากไทยไปให้ ว่าดาราคนไหนรักๆ เลิกๆ การเมืองเป็นยังไง มีข่าวอะไรเกิดขึ้นบ้าง แม้หลายคนจะแย้งว่ายิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งคิดถึง แต่มันก็เหมือนเป็นวิธีหนามยอกเอาหนามบ่งค่ะ ถ้าเราคิดถึงแล้วเอาแต่อัดอั้นไว้ ดีไม่ดีจะทำให้เราเสียโอกาสได้ทำอย่างอื่นทั้งที่มาอยู่เมืองนอก ฉะนั้นคุยกันแบบสม่ำเสมอ ทีนี้เราก็จะไม่คิดถึงพร่ำเพรื่อ เพราะรู้ว่าเดี๋ยวสัปดาห์หน้าก็เจอกันอยู่ดี
ระวัง! อย่าโทรหาตลอดทั้งวี่ทั้งวัน หรือพอเจออะไรนิดหน่อยก็โทร แบบนี้จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงค่ะ
2.ดูรูปถ่ายของครอบครัว
ถึงแม้ว่าเราจะมีรูปทั้งบ้านอัพไว้ในเฟซบุ๊ค แต่การพกรูปที่เป็นแผ่นกระดาษไป ก็ทำให้รู้สึกจับต้องได้มากขึ้น จะหากรอบรูปมาใส่ ทำเป็นอัลบั้ม หรือร้อยเชือกไว้ข้างกำแพงก็แล้วแต่เลยค่ะ ให้มีรูปครอบครัว เพื่อนๆ คนรัก หรือคนที่ทำให้สบายใจและรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน อาการโฮมซิกเกิดเพราะรู้สึกว่าที่นั่นไม่ใช่บ้าน เราก็ทำให้เหมือนบ้าน เหมือนห้องนอนตัวเองจริงๆ ไปเลยค่ะ พี่พิซซ่า พกปฏิทินตั้งโต๊ะรูปนักร้องที่ชอบไปตั้งไว้ตรงหัวเตียง จะได้ใกล้เคียงกับห้องนอนที่บ้านที่มีโปสเตอร์รูปเขาเต็มไปหมด (จะให้พกโปสเตอร์ไปเป็นม้วนๆ ก็กระไรอยู่) ถ้าเราสามารถทำให้ห้องนอนดูเป็นมิตรเหมือนที่บ้านมากขึ้น เราก็จะสบายใจกับที่นี่ค่ะ
ระวัง! อย่าเอาแต่นั่งดูรูปแล้วร้องไห้อย่างเดียวนะคะ ให้มีรูปไว้เพื่อความสบายใจค่ะ ไม่ใช่ให้คร่ำครวญ
3. ออกไปเที่ยวกับเพื่อนใหม่ในต่างแดน
เรามาที่นี่เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ ฉะนั้นก็ตักตวงให้ได้มากที่สุดค่ะ ไปเที่ยวนี่ไม่ได้หมายถึงท่องราตรีอย่างเดียวนะคะ ใครที่ไม่ชอบการสังสรรค์แบบปาร์ตี้ ก็ไปเดินป่า ปีนเขา ไปสวนสนุก เดินชายหาด ขี่ม้า กิจกรรมอะไรก็ตามที่เขาฮิตๆ กัน ลองไปทำร่วมกับเพื่อนๆ ที่นั่น ไม่งั้นจะไม่มีรูปไปอวดที่บ้านนะว่ามาถึงที่นี่จริงๆ 555 ถ้าเราปิดตัวเองอยู่แต่ในห้อง เราก็จะพลาดอะไรหลายๆ อย่างที่เราจ่ายเงินมาที่นี่ (นึกถึงค่าโครงการ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเสื้อกันหนาวที่ต้องซื้อใหม่) จ่ายเงินมาแล้วก็ต้องเอาให้คุ้มค่ะ โอกาสไหนไปได้ ก็ไปเลย เย้
ระวัง! หลายคนกลัวว่าพอสนุกสนานกับเพื่อนใหม่ แล้วลืมคิดถึงบ้านไป ที่บ้านจะน้อยใจว่าถูกลืม ไม่ต้องกลัวค่ะ ครอบครัวเข้าใจอยู่แล้วว่าส่งเรามาเพื่อหาประสบการณ์
4. เขียนบันทึกหรือบล็อก
จะเขียนใส่เว็บไหนก็ได้ค่ะ อย่างในเฟซบุ๊คก็อัพเป็นสเตตัสสั้นๆ หรือจะร่ายยาวในโน๊ตก็ได้ค่ะ เมื่อไหร่เบื่อๆ เซ็งๆ ก็ระบายใส่ได้เลยว่าเซ็งจัง เบื่อโน่นนี่ เพราะได้ระบายแล้วอาการก็มักจะดีขึ้น แต่อย่าลืมนะคะว่าอัพเรื่องเซ็งๆ แล้ว ต้องอัพเรื่องดีๆ ด้วย ไม่งั้นที่บ้านจะกังวลตามว่าทำไมเจอแต่เรื่องแย่ๆ นอกจากนี้การบันทึกเรื่องดีๆ ก็ยังส่งผลดีกับเราด้วยค่ะ เพราะเมื่อไหร่ที่เกิดอาการโฮมซิกหรืออยากไปจากที่นี่ แล้วเราได้กลับมาอ่านเรื่องดีๆ ที่เคยเขียนไว้ เราก็จะจดจำความรู้สึกดีๆ แบบวันนั้นได้
ระวัง! คนส่วนใหญ่มักลืมอัพเรื่องราวดีๆ แบบไปเที่ยวมาทั้งวัน สนุกมาก เฮฮากับเพื่อนจนตีหนึ่ง แล้วหลับปุ๋ยไปเลย ตื่นมาก็ไม่มีเวลาอัพแล้ว (พี่เป็นบ่อยมาก) แต่พอเรื่องเซ็งๆ นิดนึง เราจะมีเวลานั่งบ่นได้ยาวมากๆ เพราะไม่มีอะไรทำ และไม่อยากทำอะไรอยู่แล้ว ฉะนั้นเลยเหมือนเหตุการณ์แย่ๆ จะมีน้ำหนักมากกว่า ให้จำไว้ว่าพอมีเวลาอัพเรื่องแย่ๆ เมื่อไหร่ ต้องแบ่งไปอัพเรื่องดีๆ ที่ลืมไปแล้วด้วย ไม่งั้นพอเวลาผ่านไปสองสามปีกลับมาอ่านใหม่ จะรู้สึกว่าทำไมตอนนั้นชีวิตดราม่าขนาดนี้เนี่ย ทั้งๆ ที่โดยรวมมันเป็นหนึ่งในช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิตเลยนะ 555
5. หากิจกรรมทำเสมอ
แม้จะเป็นช่วงที่ไม่มีใครชวนไปเที่ยว ก็ต้องหากิจกรรมให้ตัวเองได้เสมอค่ะ เช่นเดินเล่นในเมืองแล้วถ่ายรูปชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ (พี่ทำบ่อย) เดินดูสินค้าในห้าง ปั่นจักรยาน อ่านหนังสือ ดูหนังดูละคร หรือบางทีก็เปิดเพลงแล้วเต้นในห้อง แนะนำเพลงจังหวะมันส์ๆ ในภาษาที่แปลไม่ออก เพราะถ้าแปลออกเดี๋ยวเกิดอินขึ้นมา น้ำตาจะไหล 555 อย่างเพลงเร็วๆ ของเกาหลีที่ฟังไม่รู้เรื่อง ก็ร้องมั่วๆ ตามไปเลยค่ะ สนุกดี ถ้าว่างเมื่อไหร่ความคิดมันจะวกกลับไปที่ “บ้าน” โดยอัตโนมัติ
ระวัง! พยายามเลือกกิจกรรมที่เราต้อง เอาสมาธิไปอยู่กับมันด้วย ไม่ใช่เดินเล่นแต่ในหัวคิดถึงแต่บ้าน บ้าน บ้าน ต้องเดินแล้วใส่ใจในรายละเอียดของวิวทิวทัศน์ ผู้คน หรือตึกรามบ้านช่องค่ะ
6.อย่าเครียด
“วันนี้เรียนมา งงมาก ไม่เข้าใจเลย ไม่ไหวแล้วนะ” หรือว่า “เจ้านายจะอะไรนักหนาเนี่ย เบื่อเว่ย”พยายามอย่าไปเครียดกับมันให้มากค่ะ เพราะเครียดมากๆ ปุ๊บก็จะ “ไม่ไหวแล้ว” แล้วอาการโฮมซิกจะกลับมาได้ ฉะนั้นถ้ารู้ว่าเริ่มจะเครียดแล้วก็ค่อยๆ ผ่อนอารมณ์ค่ะ ปล่อยวางมันลงช้าๆ ถ้าเครียดในห้องเรียนหรือขณะทำงานที่จะให้เลิกกลางคันก็ไม่ได้ ก็ช่างมันค่ะ อย่าไปใส่ใจกับสิ่งที่ทำให้เราเครียด หันไปสนใจอย่างอื่นแทน ถ้าต้องอ่านหนังสือสอบหรือทำการบ้านแล้วไปต่อไม่ไหว ก็วางแล้วทำอย่างอื่น เพราะถึงดันทุรังทำไปผลงานก็ออกมาไม่ดีอยู่ดี รอให้อารมณ์ดีแล้วทำใหม่ สมองจะไบรท์ขึ้นเยอะค่ะ ไม่เครียด ก็จะไม่คิดมาก ไม่คิดมากแล้วก็จะไม่คิดถึงบ้าน
ระวัง! วิธีแก้เครียดแต่ละคนต่างกันไป แต่อย่าถึงขั้นทำตัวไม่ดีนะคะ เพราะมันส่งผลเสียในระยะยาว
แต่ละคนคงมีวิธีแก้โรคโฮมซิกต่างกันออกไป ถ้าทำวิธีเหล่านี้ไม่ได้ผลก็ลองหาวิธีอื่นๆ นะคะ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่เราต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าเรากำลังโฮมซิก เราถึงจะแก้ได้ ถ้ามัวแต่บอกว่าไม่เป็น เพราะคิดว่ามันดูเป็นโรคประหลาด เหมือนโรคจิต หรือเป็นสัญญาณแสดงความอ่อนแอ ดีไม่ดีสุดท้ายอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าแทนได้ ฉะนั้นต้องยิ้มรับว่าเราเป็นโฮมซิก และยิ้มรับวิธีที่เราจะรักษาตัวเอง สุดท้ายเราก็จะยิ้มได้กับชีวิตในต่างแดน
รูปและที่มา http://www.dek-d.com/studyabroad/31032/
ยินดีต้อนรับสู่ KhonThai America : คนไทยในอเมริกา (http://khonthaiamerica.com/) |
Powered by Discuz! X2.5 |