KhonThai America : คนไทยในอเมริกา
ชื่อกระทู้: แกรนแคนยอน 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก [สั่งพิมพ์]
โดย: ice999 เวลา: 2015-6-29 13:42
ชื่อกระทู้: แกรนแคนยอน 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2015-6-29 13:42
“แกรนด์ แคนยอน” (Grand Canyon) ตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกาความน่าอัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนอยู่ที่ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่โดยถือกำเนิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำ เป็นดินแดนหินผาและหุบเหวซึ่งหน้าผามีความสูงถึง 1600 เมตร และหุบเหวสูงถึง 450กิโลเมตร แกรนด์แคนยอน มีส่วนกว้างที่สุด 29 กิโลเมตรและลึกมากกว่า 1.5 กิโลเมตร ส่วนล่างของ แกรนด์แคนยอน ซึ่งแม่น้ำโคโลราโดไหลผ่านในปัจจุบันนั้นคือหิน อายุเกือบ 2 พันล้านปี นอกจากนั้น ในบริเวณซอกหลืบของหุบเขาน้อยใหญ่ ยังมีการค้นพบร่องรอย อารยธรรม ของชาวอินเดียน แดงโบราณ ซึ่งยังมีลูกหลานดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมและบางส่วนก็ยังคงอยู่ที่ ซึ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณหุบเขาแห่งนี้มานานราว 9,000ปีแล้ว แกรนด์แคนยอน จนถึงทุกวันนี้ ทุก ๆ ปีจะมีคนไปชม ความมหัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนไม่ต่ำกว่าสองล้านคน
ทดสอบความกล้าท้าความเสียวกับ“สกายวอล์ก” ทางเดินกระจกรูปเกือกม้า
การจะรู้ถึงแหล่งกำเนิดของ “แกรนด์แคนยอน”คงต้องขอย้อนอดีตกลับไปนานอักโขในช่วงหลายร้อยล้านปีที่ผ่านมาสายน้ำโคโลราโด (Colorado) ที่มีสภาพเป็นเพียงลำธารเล็กๆได้ไหลคดเคี้ยวตามที่ราบกว้างใหญ่ที่อยู่ระดับเดียวกับน้ำทะเล ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้นเนื่องมาจากแรงดันและความร้อนอันมหาศาลภายใต้พื้นโลก ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปและกลายเป็นแนวหน้าผากว้างใหญ่
ซึ่งการยกตัวของแผ่นดินทำให้ทางที่ลำธารไหลผ่านลาดชันขึ้นและทำให้น้ำไหลแรงมากขึ้นพัดเอาทรายและตะกอนไปตามน้ำเกิดการกัดเซาะลึกลงไปทีละน้อยๆในเปลือกโลกการสึกกร่อนพังทลายของหิน บวกกับแรงลมและแสงแดดได้ดำเนินมานานหลายล้านปีจนเกิดเป็น “แกรนด์แคนยอน” ภูมิประเทศอันน่าพิศวงนี่เอง
ล่องเรือแม่น้ำโคโลราโดชมวิวแกรนด์แคนยอน
สำหรับใครที่ได้มาเยือนยัง“แกรนด์แคนยอน” ดินแดนที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกแห่งนี้จะต้องตะลึงกับความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่รังสรรค์หุบผ่าสูงชันแห่งนี้ได้อย่างสง่างามน่าเกรงขามเป็นที่ยิ่งแต่ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะได้มาเยือนที่แห่งนี้ ในอดีตแกรนด์แคนยอนเคยเป็นผืนแผ่นดินของชาวอินเดียนแดง
ครั้งแรกสุดที่มีการค้นพบดินแดนแห่งนี้คือเมื่อปีพ.ศ.2083 โดยนักสำรวจชาวสเปน แต่ไม่เป็นที่สนใจเท่าไรนักต่อมาในปี พ.ศ.2319 นักบวชชาวสเปน 2 คนได้สำรวจเจอแล้วเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปทำให้มีนักสำรวจเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้มากขึ้น
จุดชมวิวแกรนด์แคนยอนอันสวยงามอีกแห่งหนึ่งทางฝั่งใต้
จนกระทั่งในปีพ.ศ.2412 พันตรี จอร์น เวสลีย์ เพาเวลล์ และคณะอีก 9 คนได้ตัดสินใจล่องเรือออกเดินทางสำรวจดินแดนอันน่าพิศวงแห่งนี้แม้สภาพธรรมชาติที่โหดร้ายมีภยันตรายมากมายทั้งโขดหิน แก่งหินและกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ตลอดจนน้ำวนที่น่าสะพรึงกลัวแต่พวกเขาบางคนก็สามารถรอดตายมาได้รวมถึงพันตรี จอร์น เวสลีย์ เพาเวลล์ ด้วย และการสำรวจครั้งนี้เองที่ทำให้พวกเราได้รู้จัก“แกรนด์แคนยอน”
สัดส่วนของ “แกรนด์แคนยอน” แห่งนี้ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้การกำเนิดของมัน โดยสูงจากระดับน้ำทะเลแตกต่างกันไปตั้งแต่ 381-2,793เมตร มีความกว้างตั้งแต่ 2-24 กิโลเมตรและลึกประมาณ 1.6 กิโลเมตร รอยแยกระหว่างแนวผาของแกรนด์แคนยอนที่มีแม่น้ำโคโลราโดไหลผ่านกันเหวมีความยาวถึงประมาณ347 กิโลเมตร
สิ่งปลูกสร้างแฝงตัวอย่างกลมกลืนกับผาหินขนาดยักษ์
หุบผาอายุราว17 ล้านปี แห่งนี้ประกอบไปด้วยหินเป็นชั้นๆ ซึ่งเป็นลักษณะชั้นของหินที่ถูกแม่น้ำตัดผ่านมีอยู่ประมาณ 12 ชั้นโดยชั้นล่างสุดเป็นชั้นที่เก่าแก่ที่สุด ส่วนชั้นบนสุด เป็นชั้นที่ใหม่ที่สุดต่างก็มีหินมากมายหลายชนิดและมาจากหลากหลายยุค
ในแต่ละชั้นก็มีสีสันแตกต่างกันไปสีที่เห็นออกไปทางส้ม แดง เหลือง แซมด้วยสีน้ำตาล และดำอันเป็นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของ แกรนด์แคนยอน ยิ่งในยามกระทบแสงแดดบางบริเวณก็จะแลเห็นเป็นสีน้ำเงินอ่อน สี่ม่วง สีแดง สีเขียว สีส้มแล้วแต่จังหวะของแสง
คนและล่อดูตัวจิ๋วเมื่อเทียบกับภูเขาหินอันแข็งแกร่งใหญ่โต
สำหรับดินแดนแห่งหุบเหวกว้างใหญ่แห่งนี้ได้แบ่งเป็น 2 ตอนด้วยกันได้แก่ ขอบผาด้านเหนือ และขอบผาด้านใต้ทั้งสองฝั่งอยู่ห่างกันเป็นระยะทางเฉลี่ยกว่า16 กิโลเมตรโดยมีหุบเขาตัววี (V-shaped valley) ที่ถูกกัดเซาะด้วยแม่น้ำคั่นระหว่างกลางมีความลึกจากขอบหน้าผาลงไปถึงแม่น้ำด้านล่างถึง 1,829 เมตร
แกรนด์แคนยอนฝั่งเหนือหรือ “North Rim” สูงประมาณ 2,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ด้วยความสูงระดับนี้ทำให้ขอบผาด้านเหนือมีสภาพอากาศแตกต่างกันอย่างมากเมื่อถึงฤดูหนาวหิมะจะตกหนักจนไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะนิยมมาเยี่ยมชมแกรนด์แคนยอนฝั่งเหนือนี้ในฤดูร้อนคือช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม
ล่องเรือแม่น้ำโคโลราโดอีกหนึ่งกิจกรรมผจญภัยที่น่าลิ้มลอง
ทางฝั่งเหนือนี้มีจุดชมวิวหลักๆอยู่2 แห่งด้วยกันได้แก่ “พอยน์ท อิมพีเรียล” (Point Imperial) ถือเป็นจุดที่สูงที่สุดในฝั่งเหนือคือประมาณ 2,700 เมตร วิวในมุมนี้จะมองเห็นได้กว้างไกลรวมไปถึงทะเลทรายหลากสี (Painted Desert) และป่าสงวน (NavajoReservation) ด้วย อีกจุดหนึ่งได้แก่ “แคพ รอยัล” (Cape Royal) อยู่สูงประมาณ 2,400เมตร เหมาะสำหรับเดินชมวิวทิวทัศน์ไปตามขอบผาสูงชันซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวได้สวยที่สุดในฝั่งเหนือก็ว่าได้ และที่แคพ รอยัลยังมีที่จอดรถกว้างขวางด้วย
จุดชมวิวอื่นๆที่ขึ้นชื่อได้แก่ โทโรวีพ ( Toroweap Overlook ) อยู่ ณริมหุบผาชันทางด้านเหนือ กว้างประมาณ 800 เมตร หรือที่ นอร์ธไคแบ็บ เทรล (North Kaibab Trail) ซึ่งเป็นทางแคบๆผ่านไปตามขอบเหวลึกอย่างน่าตื่นเต้นหวาดเสียว
แกรนด์แคนยอนจะเปลี่ยนบรรยากาศไปตามฤดูกาลและสภาพอากาศ
ส่วนแกรนด์แคนยอนทางฝั่งใต้ ที่เรียกว่า “South Rim” สูงประมาณ 2,000 เมตรทางฝั่งนี้จะเปิดรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี และสามารถเดินทางได้สะดวกจากลาสเวกัสมลรัฐเนวาด้า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงชมแกรนด์แคนยอนจากฝั่งใต้มากกว่าสำหรับวิวทิวทัศน์ทางฝั่งนี้ เบื้องล่างจะเห็นแม่น้ำโคโลราโดส่วนด้านบนสร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ตามแบบของพวกชนพื้นเมืองเดิมที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้มาก่อน
หากใครที่ต้องการสัมผัสความเสียวถึงขั้วหัวใจล่ะก็ขอให้ลองจ่ายเงินเพื่อพิสูจน์วัดใจตัวเอง ด้วยการเดินบน “สกายวอล์ก”(Skywalk) ทางเดินกระจกรูปร่างคล้ายเกือกม้ายื่นออกมาจากขอบผาไปประมาณ21 เมตร เสมือนการเดินบนอากาศด้วยระดับความสูงกว่า 1,220เมตร เลยทีเดียว ซึ่งนอกจากความหวาดเสียวแล้วยังจะได้ชมทัศนียภาพของแกรนด์แคนยอนแบบไม่เหมือนใครอีกด้วย
วิวทิวทัศน์จากจุดชมวิวเคพรอยัล
และแน่นอนว่าแกรนด์แคนยอนย่อมต้องมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ที่หลงใหลในการผจญภัย ซึ่งก็มีเส้นทางให้เลือกเข้าหาแกรนด์แคนยอนได้หลากหลายทั้ง อาทิ เส้นทางเดินเท้าลัดเลาะลงสู่เบื้องล่างของหุบผาและตลิ่งของแม่น้ำโคโลราโดโดยการเดินทางจากริมหน้าผาด้านบนลงไปถึงแม่น้ำโคโลราโดเบื้องล่างต้องเดินเป็นระยะทางกว่า16 กิโลเมตรและมีการเปลี่ยนระดับความสูงถึง 1,220 เมตรผู้ที่ตั้งใจจะเดินลงไปข้างล่างจึงควรเผื่อเวลาไว้ 2 วันโดยลงไปนอนเต็นท์ด้านล่าง 1 คืนแล้วจึงค่อยเดินกลับขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น
หรือหากเดินไม่ไหวก็มีล่อ (mule) บริการนักท่องเที่ยวสามารถขี่เจ้าล่อขึ้นลงเขาได้อย่างมั่นใจปลอดภัยเพราะเจ้าล่อที่นี่เป็นผู้เชี่ยวชาญชำนานทางเป็นอย่างดีเรียกได้ว่าดีกว่าคนด้วยซ้ำ แต่พอลงจากล่ออาจต้องเดินขากางไปหลายวันก็เป็นได้
วิวแกรนด์แคนยอนอันสวยงามน่าเกรงขามจากจุดชมวิวพอยน์ทอิมพีเรียล
หรือใครชอบทางน้ำก็สามารถล่องแก่งด้วยเรือยางไปตามแม่น้ำโคโลราโดที่ถือว่าเป็นแก่งที่ยากที่สุดในโลกด้วยระยะทางยาวกว่า 400 กิโลเมตร น้ำที่ไหลเชี่ยวผ่านเกาะแก่งหินมากกว่า 150 แห่ง และน้ำวนที่เดือดพล่านอยู่เป็นแห่งๆ ท้าทายฝีมือของผู้รักสนุกพร้อมชมความสวยงามระหว่างเส้นทางสองฟากฝั่งและยังได้พักค้างคืนท่ามกลางหุบเขาสูงโอบล้อมอีกด้วย ช่างคุ้มค่ากับชีวิตจริงๆ
เรียบเรียง Ice : KhonThaiAmerica
แกรนด์แคนยอนฝั่งใต้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแต่สำหรับแกรนด์แคนยอนฝั่งเหนือจะเที่ยวได้เฉพาะในฤดูร้อนคือช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคมเท่านั้นและควรสอบถามที่พักและกิจกรรมต่างๆล่วงหน้าค่ะ
รูปและที่มา http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000047153
รูปจาก designlike.com grandcanyontreks.org pacificislandparks.com
ยินดีต้อนรับสู่ KhonThai America : คนไทยในอเมริกา (http://khonthaiamerica.com/) |
Powered by Discuz! X2.5 |