KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

ชื่อกระทู้: วิธีจำศัพท์อังกฤษแบบสนุก เร็ว และยากที่จะลืม! [สั่งพิมพ์]

โดย: ice999    เวลา: 2015-10-2 13:03
ชื่อกระทู้: วิธีจำศัพท์อังกฤษแบบสนุก เร็ว และยากที่จะลืม!


800488-topic-ix-0.jpg

     วันนี้มีวิธีจดจำศัพท์ภาษาอังกฤษหลากหลายรูปแบบเป็นเทคนิคดี ๆ โดยครูแนน(ติวเตอร์)มาฝากกันค่ะ


1.กลุ่มคำที่ความหมายเหมือนกัน (synonym)

เริ่มต้นที่กลอนแบบสัมผัสง่าย ๆ เช่น

          ศัพท์ที่แปลว่าต้องการ นอกจาก want หรือ need แล้วยังมีหลายคำ เช่น crave for , long for , yearn for , die for , desire แต่ละตัวจำยากทั้งนั้น เอาง่าย ๆ ให้ท่องว่า

crave , yearn , long , die แปลว่า desire ...แต่ต้องใช้กับ for

หรือคำศัพท์ที่แปลว่าช่วยเหลือ ก็มีหลายคำ ท่องแบบนี้ค่ะ

help me ฉันเป็น aid

succor me , assist me

hey you see , give me a hand

or you can do me a favor

          นอกจากนี้ยังมีการจำศัพท์ผ่านบทเพลงในรูปแบบที่เรียกว่า memolody (memory+melody) ค่ะ แหม...น่าเสียดายที่ร้องให้ฟังไม่ได้ แต่เอาเนื้อเพลงไปก่อนก็แล้วกัน ชื่อเพลงว่า...หนุ่มเซเว่น

          พี่ทำหัวใจหล่นไว้ในร้านเซเว่น เกือบหล่นใส่เนื้อเย็น พี่เห็นเดินเข้าประตูน้องซื้อพายไก่ บิ๊กไบท์กับเปาไส้หมู ไปกับกับใครไม่รู้ ซื้อเปาไส้หมูตั้ง 2 ใบ เธอมารอคิดเงินกับฉัน อยากบอกให้เธอนั้น มาเริ่มต้นกันกับเรา initiate , originate , set of , set out commence , kick off กับนงเยาว์ คงทำให้เราชื่นใจ มองออกไป เห็นใครรอเธอหน้าร้าน ใส่ชุดสีน้ำตาลคงทำงานที่เดียวกับเธอ เราหยุดดีกว่า cease , quit ดีกว่ามัวเพ้อ halt , terminate นะเออ สาว Swensens เจอแล้วใจหล่นหาย อันนี้ได้ทั้งกลุ่มคำที่แปลว่าเริ่มต้น และกลุ่มคำตรงข้าม (anthonym) ที่แปลว่าหยุด หรือสิ้นสุด ไปพร้อม ๆ กันเลย

2.คำ ๆ เดียวแต่หลายความหมาย

          คำง่าย ๆ นี่แหละค่ะ อย่างเช่น bear ถ้าเป็น คำนาม(noun) ที่รู้ ๆ กันแปลว่าหมี แต่ถ้าเป็นคำกริยา( verb) ยังมีอีกตั้ง 4 ความหมาย เช่น

bear (bore born) แปลว่า เกิด
แปลว่า อดทน เช่น I can't bear it anymore
แปลว่า รับรู้ เช่น Bear in mind,I ll love you forever
และแปลว่า ถือ cheque bearer คือผู้ถือเช็ค
เยอะแยะไปหมดอย่างนี้ ครูแนนเขาเล่าเป็นนิทานสั้น ๆ ชื่อเรื่องว่า...หมีน้อยกลอยใจ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว หมีดาวพระศุกร์ เกิดมารันทด ต้องมาอดทนรับรู้เรื่องการถือของ
แหะ...แหะ จบแล้ว บอกแล้วว่านิทานสั้น ก็สั้นจริง ๆ

3.คำที่ใกล้เคียงกันและมักสับสน

          เช่น คำว่า sting แปลว่าต่อย stingy แปลว่า ขี้เหนียว ขี้งก stinky แปลว่าเหม็น sticky แปลว่าเหนียว เอามาร้องเป็นกลอนตลก ๆ

"อาบี sting อาตี๋ อาบี sting อาตี๋
ไอ้คน stingy ขี้งกๆ
แถมยังสกปรก อี๋...stinky
เอากาวมาบี้ sticky เหลือเกิน...เอากาวมาบี้ sticky เหลือเกิน

4.ร้อยศัพท์ยากให้เป็นประโยค

          ศัพท์ยาก ๆ ประมาณ 3,000 กว่าคำ ให้เราใช้วิธีเอามาร้อยให้เหลือ 200 กว่าประโยค เพื่อจะได้มีกำลังใจในการท่อง ยกตัวอย่างเช่น Human beings are gifted with infinite potential.

          ประโยคนี้ประโยคเดียว มีศัพท์ให้เรียนรู้ได้ตั้งหลายคำ เช่น human beings ก็หมายถึงมนุษย์ ถ้าเป็น adjective คือ humane หมายถึงมีใจเมตตา ปราณี มีมนุษยธรรม

          ส่วน gift เป็นคำนาม ที่เคยรู้แปลว่าของขวัญ แต่อีกความหมายหนึ่งก็คือพรสวรรค์ ถือเป็นของขวัญจากพระเจ้า ดังนั้นพรสวรรค์จึงเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตัวเอง พอเอามาใช้เป็น verb จึงต้องอยู่ในรูปของ passive voice คือ verb to be + v3 แล้วตามด้วย by แต่ในประโยคละคำว่า by god ไว้ แต่ใช้ gifted with หมายถึงสิ่งที่ได้มา ในที่นี้ก็คือ potential-ศักยภาพ แบบ infinite-ไม่มีขอบเขตจำกัด ( คำนามของมันคือ infinity ที่เราเจอในวิชาคณิตศาสตร์ หมายถึงจำนวนที่นับไม่ถ้วน ไม่มีที่สิ้นสุดนั่นเอง)
ท่องประโยคเดียว คุ้มมม...


5.จัดหมวดหมู่คำตามรากศัพท์ (root)

เช่น จากรากศัพท์คำว่า tain แปลว่า keep หรือเก็บรักษา ก็ได้คำว่า...
retain -เก็บรักษา เช่น Retain the ticket when you enter the concert.
maintain -บำรุงรักษาให้คงไว้ เช่น A car must be maintained.
contain -บรรจุ เช่น This jug contains milk.
detain -เก็บกัก กักขัง เช่น Teacher detained two students for punishment.

6.จัดหมวดหมู่คำตามประเภทของเรื่อง (category)

เช่น category เกี่ยวกับอาชญากรรม ก็อาจจะประกอบด้วย criminal อาชญากร ซึ่งแบ่งได้ออกเป็น pick-pocket นักล้วงกระเป๋า
mugger ผู้ร้ายชิงทรัพย์
robber โจรปล้นแบงค์
burglar พวกตีนแมว ย่องเบา
bandit โจรกระจอก

          ซึ่งเราก็ต้องพยายามเพิ่มคลังศัพท์แบบนี้ให้มีหลากหลายประเภทด้วยค่ะ เช่น คำศัพท์เกี่ยวกับเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ฯลฯ เพราะแต่ละ category ก็มีกลุ่มคำที่ใช้บ่อย ๆ แตกต่างกันออกไป การอ่านคอลัมน์ต่าง ๆ ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารจากต่างประเทศจะช่วยได้เยอะ ถ้าเราเป็นคนชอบกีฬา ก็อาจจะหาหนังสือภาษาอังกฤษที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักกีฬาดังๆ หรือวิธีการเล่นกีฬาที่เราชอบมาอ่าน ก็เป็นวิธีที่ทำให้ไม่ต้องฝืนใจ เพราะมันคือสิ่งที่เราอยากรู้อยู่แล้ว ถ้าใครชอบ superstar นักร้อง ดารา ก็ใช้วิธีนี้ได้เหมือนกัน

7.เรียนคำศัพท์จากชีวิตประจำวัน

          ลองเริ่มต้นจากสิ่งที่เราสนใจก่อนก็ได้ค่ะ คงไม่มีใครไม่ชอบดูหนังฟังเพลงใช่ไหมคะ การเรียนรู้ศัพท์จากเพลงและหนังมีข้อดีคือ ทำให้เราชินกับภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปโดยอัตโนมัติ เช่น ใครที่ได้ดูหนังรักโรแมนติกบ่อย ๆ ก็คงจะคุ้นกับประโยคที่ว่า Would you marry me แบบนี้ไม่ต้องท่องเลยค่ะว่า marry ห้ามตามด้วย preposition แต่ให้ตามด้วย marry someone เสมอ

          หรือคำว่า get along ที่ท่องกันแทบตายว่าเข้ากันได้ดี หรือดำเนินต่อไปได้ด้วยดี เช่น I get along with my boss. I get along with life เราก็อาจจะได้จากเพลงของ pet shop boy ที่ร้องว่า I get along without you คือถึงเธอจะทิ้งฉัน ฉันก็ยังดำเนินชิวิตต่อไปได้

          นอกจากนี้ในหนังหรือเพลงก็ยังมีสแลงแปลก ๆ ที่ไม่มีในดิกชันนารีด้วย เช่น gotta (มาจาก have got to แปลว่า ต้อง) gonna (be going to แปลว่า จะ) kinda (kind of แปลว่า ค่อนข้างจะ) wanna (want to) ain't (isn't หรือ aren't)

          ภาษาเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกวัฒนธรรมและ lifestyle การดำเนินชีวิตของเจ้าของภาษาด้วยค่ะ จำไว้ว่าภาษาอังกฤษคือการเรียนรู้ตลอดชีวิต (life long leanning) ไม่ใช่แค่เฉพาะในตำราเท่านั้น เพราะต่อให้เรียนไวยากรณ์หรือท่องศัพท์แทบตาย แต่ถ้าไม่ได้ทำให้ภาษาอังกฤษ “อิน” เข้ากับชีวิตของเราจริง ๆ ก็เท่ากับเรายังไม่สามารถเข้าใจมันอย่างถ่องแท้หรือนำไปใช้ได้
ที่สำคัญ อย่ากลัวที่จะผิดค่ะ กระบวนการเรียนรู้ต้องอาศัยการลองผิดลองถูก (trial and error)

          เราต้องกล้าที่จะผิดในครั้งแรก ๆ ก่อน เพราะ we learn from mistakes ค่ะ เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์ทำการทดลองนั่นแหละ แรก ๆ อาจจะผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พอหลายครั้งผ่านไป เราก็จะได้มันเป็นบทเรียน



ที่มา http://www.kodomoclub.com/three_plus/105/







ยินดีต้อนรับสู่ KhonThai America : คนไทยในอเมริกา (http://khonthaiamerica.com/) Powered by Discuz! X2.5