KhonThai America : คนไทยในอเมริกา
ชื่อกระทู้:
ไปเมืองนอกอย่างไรให้คุ้มค่าสุดๆ
[สั่งพิมพ์]
โดย:
ice999
เวลา:
2016-2-11 17:31
ชื่อกระทู้:
ไปเมืองนอกอย่างไรให้คุ้มค่าสุดๆ
หลายคนอาจลังเลว่า การไปเรียนเมืองนอกมัน " คุ้ม" มั้ย อยากจะย้ำอีกรอบว่า "คุ้มมาก" ค่ะ การมีโอกาสได้ไปเมืองนอกคือ "ประสบการณ์" ค่ะ ซึ่งการเก็บเกี่ยวประสบการณ์กลับมาให้คุ้มเนี่ยขึ้นกับตัวของเราเป็นหลักเลยนะคะ วันนี้เลยอยากมาแนะนำเคล็ดลับดีๆ ที่จะทำให้การไปเมืองนอกคราวนี้ "คุ้ม" แน่ๆ
1. ลองอาหารใหม่ๆ
อัพโหลด 2016-2-11 17:21
ดาวน์โหลด
(210.87 KB)
เรามาอยู่ต่างแดนต้องลองอาหารใหม่ๆ ค่ะ พี่เป็นคนนึงที่พกปลาร้าบองแห้งติดมาอเมริกาด้วย เพราะกลัวไม่ถูกปาก แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ ปลาร้าหมด! ทำยังไงล่ะทีนี้ ก็ต้องกินอาหารฝรั่งเลยค่ะ ชีส เนื้อ นม ไข่ เนย กินหมด ไก่อบในซุปเปอร์มาร์เกตก็ลองมาแล้วค่ะ แต่มันเค็มๆ เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พิซซ่าก็อร่อยมากนะคะ ถ้าเราไม่ชอบอะไรเลี่ยนๆ ก็เลือกกินที่ไม่เลี่ยนได้ค่ะ อาหารที่พี่ชอบที่สุดคือ มักกะโรนีชีสกึ่งสำเร็จรูป ค่ะ กินง่ายและรวดเร็ว อิอิ
ของโปรดของพี่เอง
2. ดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพให้ดี
ถึงแม้เราจะมีประกันสุขภาพแต่การป่วยในต่างแดนเป็นอะไรที่ลำบากมาก แต่ละประเทศก็มีกฎหมายแตกต่างกัน บางประเทศไปซื้อพาราที่ร้านสะดวกก็ต้องมีใบรับรองแพทย์ไปด้วย (ในอเมริกา ถ้าซื้อยาแก้ไข้ พารา สามารถซื้อได้ตาม Drug Store ค่ะ แต่ตัวยาค่อนข้างอ่อน ไม่แรงเท่าของไทย) ฉะนั้นต้องดูแลตัวเองให้ดีค่ะ และถึงจะพกยาไปด้วยมากมาย แต่ถ้าป่วยขึ้นมาเราก็จะเสียเวลาและโอกาสในการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ มากมายเลยนะคะ เกิดวันที่เราป่วยงอมแงม เพื่อนๆ ดันนัดกันไปเที่ยวทะเลที่อีกฟากของเมืองขึ้นมาล่ะ ฉะนั้นต้องดูแลตัวเองให้ดีค่ะ พยายามระลึกไว้ตลอดว่าลิมิตของเราอยู่ที่ไหน บางคนขี้หนาวมากแต่กลัวเพื่อนว่าถ้าไม่เล่นปาหิมะด้วยกัน ก็เลยทนเล่น แล้ววันถัดมาก็เป็นปอดบวมซะงั้น แบบนี้ไม่ถูกต้องนะคะ สุขภาพเราต้องมาก่อนค่ะ
พี่เคยเป็นไข้ แล้วเพื่อนฝรั่งต้องปิดแอร์ทั้งหมด เกรงใจเค้ามาก เพราะเพื่อนเป็นฝรั่งขี้ร้อนแต่ต้องมาทนร้อนเพราะเราป่วย T T
3. ใช้เวลาร่วมกับคนท้องถิ่นเยอะๆ
สำหรับคนที่ไปอยู่กับโฮสท์แฟมิลี่จะไม่ค่อยมีปัญหานี้ แต่คนที่ไปเรียนต่อหรือไปเวิร์กมักจะชอบเกาะกลุ่มกับคนไทยด้วยกัน หรือไม่ก็เกาะกลุ่มกับเด็กต่างชาติจากประเทศอื่นที่เพิ่งมาที่นี่เหมือนกัน การมีเพื่อนเยอะๆ เป็นเรื่องดีค่ะ แต่อย่าลืมว่าเรามาเพื่อเรียนรู้อะไรบางอย่างของที่นี่ที่บ้านเราไม่มี จึงควรทำความรู้จักกับคนท้องถิ่นไว้ด้วย ซึ่งคนท้องถิ่นนี่คือทั้งเพื่อนร่วมชั้น โฮสท์แฟมิลี่ คนข้างบ้าน คนขับรถเมล์คันที่เราใช้ประจำ คนขายอาหารร้านหน้าปากซอย หรือเจ้าของร้านหนังสือใกล้ๆ คนกลุ่มนี้จะเผยให้เห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มากมายของเมืองนี้ที่ตอนแรกเราไม่สังเกตด้วยซ้ำ ทำให้เราได้ซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้ดีขึ้นค่ะ
คำเตือน: การคุยกับคนแปลกหน้าต้องใช้วิจารญาณให้มากๆ นะคะ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นคนดี อาจมีมิจฉาชีพที่รอฉวยโอกาสชาวต่างชาติอยู่ก็เป็นได้ เช่น ขอเงิน ต้องระวังตัวไว้ตลอดเวลา แต่อย่าปิดตัวเองนะคะ
4. ถ่ายรูปเยอะๆ และเขียนบล็อก
พี่ชอบถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ แต่ไม่ชอบให้มีตัวเองในภาพ 555 ซึ่งพอผ่านไปหลายปีเอามาดูใหม่ก็จะรู้สึกว่า "เราไปมาด้วยหรอ" ใครที่มีปัญหานี้ก็ลองถ่ายให้ติดตัวเองซักหนึ่งรูปต่อสถานที่ก็จะดีมากค่ะ แล้วก็ถ่ายอะไรที่คิดว่าธรรมดาหรือไม่สวยมาด้วย อย่าเก็บมาเฉพาะภาพมุมสวยๆ ต้นไม้ข้างทางที่ไม่เหมือนในไทยก็ลองถ่ายมาบ้าง ตอนพี่ไปอยู่เมืองที่ใช้รถม้ากันอยู่ บนถนนมีแต่มูลม้า (บ้านเราจะเจอแต่มูลสุนัข) ตอนแรกก็ขยะแขยง ไม่มอง รู้สึกว่าทำไมต้องเห็นอะไรแบบนี้ด้วย แต่ตอนใกล้จะกลับไทยเพิ่งคิดได้ว่า บ้านเราไม่มีมูลกลางถนนกองใหญ่ขนาดนี้นะ หาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เลยกลั้นหายใจเดินไปแชะมาภาพนึง ทีนี้เอามาดูเมื่อไหร่ก็เหมือนมีกลิ่นลอยมาเลย 555
นอกจากถ่ายภาพแล้วก็เขียนบล็อกหรือเขียนไดอารี่ไว้ด้วยนะคะ อย่าเอาแต่อัพสเตตัสสั้นๆ วันละนิดๆ หน่อยๆ เพราะแม้จะอัดวิดีโอกิจกรรมที่เราไปทำมา แต่มันก็เห็นอารมณ์บางอย่างไม่ชัดอยู่ดี ลองถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของเราลงไปด้วย พร้อมอัพโหลดภาพประกอบ เช่น วันนี้อากาศแย่มาก ลมแรงจนต้นไม้หน้าบ้านหัก แต่ฟ้าโปร่งไม่มีฝน หนาวจนไม่อยากไปไหน แต่ก็ต้องไป บลา บลา บลา เมื่อเรากลับมาอ่านอีกที จะเห็นทุกอย่างชัดมากกว่าดูภาพเฉยๆ ค่ะ อาจจะรู้สึกถึงความหนาวในวันนั้นจนขนลุกขึ้นมาเลยก็ได้ วิธีนี้จะช่วยทำให้ได้ประสบการณ์คุ้มมากขึ้น เพราะความทรงจำเราจะแจ่มชัดมากๆๆๆๆ
<< แนะนำเลย
5. มีของฝากคนที่บ้าน
ไม่ต้องเป็นอะไรที่อลังการ แต่ก็ไม่ควรเป็นพวงกุญแจเรียบๆ ที่สลักชื่อเมืองเอาไว้เฉยๆ ค่ะ ถ้าจะซื้อพวงกุญแจกลับไปฝากที่บ้านก็เลือกอันที่สื่อความเป็นเมืองนั้น หรือมีอะไรประหลาดๆ แบบที่ไม่เหมือนใคร ไม่งั้นก็หาของฝากเป็นอย่างอื่นไปเลย โปสการ์ดก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ แต่ต้องเลือกภาพดีๆ หน่อย และถ้าอยู่ในประเทศที่ค่าไปรษณีย์ถูก ก็ส่งโปสการ์ดจากที่นั่นมาไทยเลยค่ะ ของฝากแบบนี้มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าซื้อลูกอมถุงใหญ่ใน Duty Free มาแจกเพื่อนทั้งห้องซะอีก แต่ก็เข้าใจนะคะว่างบประมาณเรามีจำกัด จึงควรลิสต์รายชื่อคนสำคัญๆ และคนสนิทของเราเอาไว้ว่าควรหาของฝากให้ใครก่อน แล้วถ้าเงินเหลือค่อยซื้อขนมไปแบ่งคนอื่นค่ะ (พี่ใช้หลักการนี้ตลอด 555)
การหาของฝากเป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ ค่ะ ฉะนั้นจึงไม่ควรเดินหาตอนสัปดาห์สุดท้าย แต่ในแต่ละวันที่เราได้ไปโน่นนี่ ก็คอยมองไว้ด้วยว่ามีอะไรที่น่าเอากลับไปฝากคุณพ่อคุณแม่ ฝากกลุ่มเพื่อนรัก หรือฝากคนที่แอบชอบอยู่
หมายเหตุ ที่แนะนำว่าไม่ควรให้พวงกุญแจสลักชื่อเมืองเรียบๆ เพราะผู้รับจะไม่สามารถสัมผัสถึงประสบการณ์ของเราได้ เวลามีคนถาม เพื่อนเราจะตอบได้แค่ว่า "อ๋อ เพื่อนไป...มา มันซื้อมาฝาก" แต่สมมติว่าไปเมืองที่ยังใช้รถม้ากันอยู่จากข้อเมื่อกี้ ถ้าซื้อพวงกุญแจรูปรถม้าของเมืองนั้นมา เวลาเพื่อนเล่าคนอื่นก็จะจำได้ว่า "เพื่อนซื้อมาฝากจาก... เมืองนี้โบราณมากอ่ะ ใช้รถม้า" แล้วเพื่อนเราก็สามารถเล่าต่อได้ตามที่เราเคยเล่ามันว่าที่นี่เป็นยังไง คุ้มสุดๆ ไปคนเดียวแต่ได้ประสบการณ์กันทั้งกลุ่ม
6. เตรียมของฝากจากไทยไปด้วย
อย่าลืมว่าการไปต่างประเทศของเราในครั้งนี้ ต้องเกิดการแลกเปลี่ยนกันทั้งจากเราและทางนั้นด้วยนะคะ เราไปเพื่อเปิดโลก ได้รู้ได้เห็นอะไรที่บ้านเราไม่มี แต่เราก็ต้องเผยแพร่สิ่งดีๆ จากบ้านเราให้ชาวต่างชาติรับรู้ไปด้วยในขณะเดียวกัน ให้มองว่าเราเป็นเหมือนทูตวัฒนธรรมคนหนึ่งละกันค่ะ ซึ่งนอกจากมารยาทงามๆ และความอ่อนน้อมถ่อมตนที่เราแสดงให้เขาเห็นแล้ว ถ้ามีของติดไม่ติดมือจากไทยไปให้เขาด้วย เขาก็จะยิ่งประทับใจและจดจำเรื่องราวได้ดีขึ้นด้วยค่ะ จะเป็นของเล็กๆ น้อยๆ ที่มีรูปช้าง มวยไทย ต้มยำกุ้ง หรือชุดไทย หรือเป็นโปสการ์ดสถานที่สวยๆ ดีๆ ของไทยก็ได้ พกไปซักแพ็กนึงไว้เขียนการ์ดขอบคุณแจกทุกคนที่นั่นก่อนเรากลับ เมื่อเพื่อนต่างชาติของเราได้ยินคนพูดถึงไทยในทางไม่ดี (รู้ๆ กันอยู่ว่าประชากรส่วนมากของโลกมองบ้านเราเป็นยังไง) เขาก็สามารถพูดแทนให้ได้ว่าเขารู้จักคนไทยที่นิสัยดีเรียบร้อยน่ารัก ทัศนคติของหลายคนจะดีขึ้นมากเพราะความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ของเรานี่แหละค่ะ ของพี่เอาเสื้อกระทิงแดงไปค่ะ เพื่อนๆชอบกันมาก
ทั้ง 6 ข้อนี้คือเรื่องเล็กน้อยง่ายๆ แต่หลายคนก็ลืมไปบ้าง แล้วพอกลับไทยมาก็จะเพิ่งรู้สึกว่า "เสียดายจัง ตอนนั้นน่าจะ..." ซึ่งพี่ไม่อยากให้ใครต้องเกิดความรู้สึกนี้เลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องลองประสบการณ์ที่ไม่ดีมานะคะ อะไรที่รู้ว่าไม่ดีกับตัวเราก็ไม่ต้องไปลองค่ะ
ข้อมูลจาก
http://www.dek-d.com/studyabroad/32612/
ยินดีต้อนรับสู่ KhonThai America : คนไทยในอเมริกา (http://khonthaiamerica.com/)
Powered by Discuz! X2.5