KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 17327|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

San Diego เมืองสำหรับวัยรุ่นโดยแท้จริง 2 : การเดินทาง

[คัดลอกลิงก์]

109

กระทู้

25

ติดตาม

3120

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เนื่องจากกระทู้เก่ารูปเยอะแล้วกลัวว่ามันจะค่อนข้างอืด เลยมาเป็นกระทู้ใหม่ซะเลย
สามารถตามอ่านภาคแรกได้ที่นี่นะจ๊ะ  San Diego เมืองสำหรับวัยรุ่นโดยแท้จริง ><

25/06/14


    วันนี้ตั้งใจว่าจะมาลองนั่งรถไฟ และรถบัสที่ San Diego ดู อยากรู้ว่าการเดินทางที่เมืองนี้เป็นยังไงบ้าง ถ้าเราไม่มีรถจะลำบากกับการไปไหนมาไหนรึเปล่า วันนี้เล็งไว้ว่าจะไปแถว La Jolla ดูแผนที่กับ google เสร็จ ก็ได้เวลาออกเดินทาง

     จากที่พักเราจะไปที่นี่ สามารถไปได้ทั้ง นั่งรถบัสต่อเดียว หรือ นั่งรถไฟแล้วไปต่อรถบัส ระยะเวลาพอๆกันคือประมาณ 1 ชม. (จะว่าไปดูเหมือนนานนะ แต่เราว่าเร็วกว่าเดินทางไปไหนมาไหนใน กทม.อีก) ระยะเวลา 1 ชม.ที่ google แจ้งมา รวมเวลาเดินไปขึ้นรถ เวลา รอรถ และเวลารถวิ่งเรียบร้อย เราเลือกวิธี ขึ้นรถไฟไปต่อรถบัส เพราะว่าเรายังไม่มีตั๋วรถเลย ยังไงก็ต้องเดินไปซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟอยู่ละ

    ระบบขนส่งมวลชนที่ San Diago จะเรียกกันสั้นๆว่า MTS หรือ SDMTS ย่อมาจาก The San Diego Metropolitan Transit System (เรียกสั้นๆอะดีแระ อิอิ) ซึ่งจะมีทั้งรถไฟ ที่เรียกว่า Trolley  และ รถบัส MTS  (อย่าง Chiacgo จะเรียกรวมๆทั้งรถไฟและบัสว่า CTA)

      ซึ่งตั๋ว Trolley กับ Bus สามารถใช้ร่วมกันได้ เรียกว่าถ้าซื้อตั๋วรายวันรึเดือน ก็สามารถขึ้นได้ทั้ง 2 อย่างแบบเหมาจ่ายไม่จำกัดระยะทางและรอบ ซึ่งตั๋วของที่ San Diego จะมีเวลาในการนับรอบที่ต่างจากของ Chicago ตรงที่ เวลานับเวลาเนี๊ยะ Chicago นับเป๊ะมาก  อย่างตั๋ว 1 วันนี่ จับเวลากันในวินาทีแรกที่ใช้กันเลยที่เดียวแล้วนับไปอีก 24 ชม. แต่ของ San Diego เค้าจะบอกแค่ว่าใช้ได้วันไหนถึงวันไหน จะใช้เวลาไหนกี่โมงก็ได้ในวันที่กำหนด ไม่ได้นับ 24ชม.เป๊ะๆ แบบของ San Diego   

        ขอบอกว่าทั้งรถไฟรถบัสเค้าใหม่มาก ใหม่สุดๆ Chicago  นี่ เก่ายังไงเก่าอย่างนั้น 555 น่าจะเป็นเพราะว่า Chicago เป็นเมืองเก่า มีรถไฟวิ่งมานานกว่า รถไฟเลยเก่าหน่อย (จริงๆก็เก่าเยอะอยู่ หน้าตาคล้ายๆรถไฟหัวลำโพงบ้านเรา) ส่วนของ San Diego เป็นเมืองใหม่ รถไฟเลยใหม่หน่อย สูสีกับ BTS บ้านเรา      

        จุดแตกต่างของรถไฟที่ Chicago กับ San Diego  นอกจากเรื่องความเก่าใหม่แล้ว ที่นี่ ไม่มีขอบเขตกั้นระหว่างทางเข้ารถไฟกับรถไฟอะ คือมันจะมีตู้ให้แนบบัตรอยู่ด้านนอก ขอรับสารภาพว่า พึ่งมาเห็นที่ตี๊ดบัตร ตอนขากลับแล้ว ทีแรกก็งงๆว่าจ่ายบัตรไงหว่า = =" สงสัยคนที่นี่เค้าวินัยเยอะกว่าที่ Chicago รึไง เลยอาศัยความไว้ใจว่าคุณจะซื้อบัตรก่อนขึ้นรถ (รู้สึกว่าเค้าจะมีการสุ่มตรวจบัตรเอาด้านบนรถมั๊ง แต่เราไปไม่เห็นเจอนะ)  




     เริ่มจะเกริ่นเรื่องรถไฟเยอะไปหน่อยมาต่อกันดีกว่า เดินมาที่ตู้ขายตั๋ว หน้าตาก็คล้ายๆตู้ขายตั๋วที่ Chicago เลยมาลองจิ้มๆดูว่ามีตั๋วแบบไหนบ้าง




หน้าตาตู้ซื้อบัตร



ประเภทตั๋วแบบต่างๆ


เอากันชัดๆแบบไหน เรทราคาเท่าไหร่บ้าง สำหรับการซื้อครั้งแรกจะมีค่าบัตรด้วย 2 เหรียญ
ราคาบัตรซื้อเป็นวันคุ้มกว่าซื้อเป็นเที่ยว เพราะ ค่าตั๋ว 1 วัน ราคาเท่าค่ารถไป-กลับเลย
การขึ้นรถ 1 เที่ยวราคา $2.5 ไปกลับก็ $5 ราคาเท่าตั๋ว 1 วันที่ $5

ตลกอยู่อย่างตอนที่เราถาม จนท. รร.ว่า ตั๋วรถมีแบบไหนบ้าง เค้าบอกมีแต่รายวันกับรายเดือนแล้วก็เป็นรายครั้ง มีเท่านี้ แต่ว่ามาดูที่ตู้มันมีหลายแบบอยู่น๊าาา พอเล่าให้น้องๆที่เรียนที่นี่ฟัง น้องเค้าก็บอก เอ๋า มีแบบนี้ด้วยเหรอพี่ นู๋พึ่งรู้ หลงซื้อแบบรายวันกับรายเดือนมาตั้งนาน - -* คือเมนูนี้มันจะต้องกดเลือกเข้ามาอีกข้างในเมนู Day Pass แล้วก็ต้องเข้ามาดู เปรียบเทียบราคา Day Pass แบบต่างๆอีกที




ซื้อแบบ 4 วัน $15 +ค่าบัตร $2 เป็น $17 บัตรที่ได้เป็นพลาสติกแข็งลักษณะคล้ายบัตร CTA ของ Chicago


ที่ตี๊ดบัตร (แปะบัตรเพื่อจ่ายตังค์)


เวลาใช้ก็ตี๊ดบัตรตรงนี้ มันจะแจ้งด้วย



แผนที่และตารางเดินรถ


รถไฟมาแล้ววว ใหม่มากกกกกกกกก


ประตูไม่ เปิดอัตโนมัติ ต้องกดปุ่มนะจ๊ะ








ภายในค่อนข้างสะอาดมาก ต่างกับ Chicago จริงๆ เบาะเงาวับเลย ><


จะลงก็ต้องกดปุ่มนะจ๊ะ ไม่งั้นประตูไม่เปิด ^ ^"





ลงจากรถไฟก็เดินมาขึ้นรถบัสต่อ เราจะขึ้นสาย 30 ก็เดินตามป้ายเลย


แผนที่เอาไว้ดูว่าเราอยู่ตรงไหน รอบๆมีอะไรบ้าง


จะไปขึ้นรถบัส ตรงมุดลงอุโมงค์ข้ามไปอีกฝั่ง


รถบัสก็ใหม่ไม่แพ้รถไฟเลย


ดูซิแถวนี้น้ำมันราคาเท่าไหร่ ข้างบนสุดเป็นแบบ ธรรมดา แล้วไล่มาแบบไม่ธรรมดา อิอิ



สภาพภายในรถสะอาดสะอ้าน



ชอบบ้านนี้อะ ดูแปลกตาดี ถ่ายมาระหว่างทาง


ถึงละ กำลังจะเดินไปหาทะเล


ด้านหน้านี่เป็นพวกร้านค้า ร้านอาหารนะ แต่พอเดินเข้ามาในซอยก็เจอทางลงไปทะเลแบบนี้




เก็บภาพระหว่างทาง





เจอทะเลแล้วววววว

P1010823.JPG


สวยอ๊าาาาาาาาาาาาาาาาา ><



มองไปไกลๆ (ซูมกล้องเอาขี้เกียจเดิน อิอิ)


อีกฝั่ง มีทางลงไปหาด


คนมาเดินเล่นกันเยอะเหมือนกัน







ตอนไปไม่เห็นเจ้าตัวนี้ซักตัว เห็นแต่คนเกยตื้น


คนมาเดินเล่น จูงน้องหมามาเยอะเหมือนกัน

            ตรงนี้ดูคล้ายๆสวนสาธารณะริมทะเลอะ กลิ่นทะเลหอมอ่อนๆ ย้ำว่าหอม มันไม่ใช่กลิ่นเค็มๆแบบบ้านเรา บอกไม่ถูกอะ เมื่อก่อนตอนอยู่ไทย ไม่คิดอยากอยู่เมืองที่ติดทะเลนะ เพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบกลิ่นเค็มๆกับความรู้สึกเหนียวๆเวลาปะทะลมทะเล แต่ที่นี่ตรงกันข้ามอะ
แดดเหมือนจะแรง แต่ไม่ร้อน อากาศเย็นกำลังสบาย (แต่บางทีก็แอบหนาวนะ ควรมีเสื้อคลุม) ไม่รู้สึกเหนียวตัวแบบที่ไทย อาจจะเพราะอากาศเค้าแห้งกว่าไม่ได้อยู่ในเขตร้อนชื้นแบบบ้านเรา กลิ่นทะเลก็ไม่เค็ม หรือเพราะแถวนี้ไม่มีเรือประมงก็ไม่รู้ (เกี่ยวรึป่าวไม่รู้นะ เดาเอาเองล้วนๆ ^ ^")


ทางกลับ

     รู้สึกแปลกใจอยู่อย่างนึงตรงที่ว่า กูเกิ้ลแจ้งเวลาการเดินทางไว้ 1 ชม.แต่ทำไมเรารู้สึกว่ามันนั่งรถไม่นานก็ถึงก็ไม่รู้ อย่างตอนนั่งรถไฟ ตอนนั่งไปต่อบัสนี่ มันห่างกันแค่ 2 สถานีเอง รู้สึกแบบ วิ่งแป๊บๆก็ถึงละ ตอนนั่งบัสเหมือนกัน มองวิวเพลินๆแป๊บๆก็ อ๊ะ ถึงละเหรอ  (สงสัยที่นานนี่นานเวลารอรถกับเวลาเดิน)

       รถบัสที่นี่ ช่วงกลางวันจะขึ้นว่า มาทุก 15 นาที ซึ่งเราว่ามันก็ไม่ได้นานอะไรนะ Chicago บางทีก็รอประมาณนี้ แต่จะมีแค่ช่วงเย็น ที่มันจะขึ้นว่ามาทุก 30 นาที อันนี้อาจจะต้องรอนานหน่อย แต่ถ้าใครอยู่ ต่างจังหวัดที่ไทย อารมณ์แบบว่ารถเมย์นานๆมาคัน นี่ เรื่องปกติเลย จิ้มๆเล่นมือถือไป ซักพักรถก็มา เหมาะกับคนนั่งรถแบบชิลๆไม่ได้เร่งรีบอะไรมาก




นั่งรถกลับละ ถ่ายรูประหว่างทาง วิวสวยอะ ชิลมาก ขากลับ กลับคนละทางกับทางเดิม ผ่าน Sea World ด้วย
ไม่ติดว่าเย็นแล้วก็ว่าจะลงแวะไปเดินเที่ยวเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเริ่มหิวอยากกลับบ้านละ แหะๆ







กลับมาไม่รู้จะกินอะไร เลยเดินไปใกล้ๆที่พัก ร้านเดิมที่น้องๆเคยพามากิน The Kebab Shop

     เมนหลักเมนูนี้อยู่ที่เนื้อเสียบไม้ย่าง อยู่ที่ว่าเราจะเลือก เอา ไก่ กุ้ง หรือเนื้อวัว ส่วนตามรูปเป็นไก่ แล้วเค้าให้เลือก side ได้ 2 อย่าง เราก็เลือก เฟรนน์ฟราย กับข้าว ขอบอกว่าข้าวไม่เหมือนข้าวไทยอะ โดยส่วนตัวไม่ค่อยปลื้มกับข้าวเท่าไหร่ ดูในรูปเหมือนไม่เยอะนะ แต่ว่ากล่องใหญ่มาก ขนาดกล่องก็น่าจะประมาณ เน็ตบุ๊ต 13-14" ได้ สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆแบบเรากินทีเดียวไม่หมดอะ ><

หมดไปอีกวัน ทีแรกว่าจะเขียนของวันที่ 25-27 เลย แต่ว่าเท่านี้ก็รูปเพียบละ เขียนเท่านี้ก่อนละกัน เดี๋ยวจะมาต่อของวันที่เหลืออีกทีนะจ๊ะ


เขียน+ภาพถ่ายโดย LinZ : KhonThaiAmerica.com

ช่วงขายของอีกแล้ว อิอิ ใครสนใจมาเรียนภาษาที่อเมริกา ไม่รู้จักใคร ก็ไม่มีปัญหานะคะ ทางเราสมัครเรียนให้ ได้ราคาค่าเรียนพิเศษถูกกว่าสมัครเอง ช่วยทำเอกสารเตรียมตัวสัมภาษณ์วีซ่า แถมมาอเมริกายังมีคนไปรับคอยดูแลให้คำปรึกษา ช่วยหาที่พัก แล้วก็พาเที่ยวด้วย คุ้มสุดๆ สนใจติดต่อได้นะคะ คะ คะ คะ คะ ( กรุณา อ่านออกเสียงแอคโค่วด้วย แล้วจะได้อารมณ์ ฮี่ๆ) แล้วเจอกันต่อในภาคต่อนะจ๊ะๆ รับรองว่ามีอะไรเด็ดๆอีกเพียบ ! คริคริ

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-11-28 23:56 , Processed in 0.035080 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน