เจอกระทู้น่าสนใจใน Dek-d โดยพี่พิซซ่าเกี่ยวกับการใช้เครื่องหมายคำพูดในภาษาอังกฤษ วันนี้จึงมาไขข้อข้องใจเรื่องการเขียนเครื่องหมายวรรคตอนภายในเครื่องหมายคำพูดค่ะว่าต้องใส่ข้างในหรือข้างนอก แล้วมีข้อยกเว้นอะไรบ้างมั้ย รวมไปถึงกฎการใช้เครื่องหมายคำพูดไปดูกันเลยค่ะ
รู้จักเครื่องหมายคำพูด เครื่องหมายคำพูดหรือเครื่องหมายอัญประกาศ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า quotation marks ค่ะ แบบที่ใช้กับเยอะคือแบบdouble quotation marks "........." ส่วนแบบที่มีตัวเดียวเรียกว่าsingle quotation marks (อัญประกาศเดี่ยว) '.........'แบบตัวเดียวมักใช้ในกรณีต้องใส่เครื่องหมายคำพูดซ้อนกัน 2 ครั้งค่ะ ถ้ายังไม่เข้าใจตอนนี้ก็ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวจะอธิบายเพิ่มต่อไป
การใช้เครื่องหมายคำพูด
กฎการใช้เครื่องหมายคำพูดหลักๆเลยคือ ใช้ถอดคำพูดแบบคำต่อคำค่ะ (direct speech) เช่น
She said, "I love you." เธอพูดว่า "ฉันรักเธอ"
"Where are we going?" he asked. "เรากำลังจะไปไหนกัน" เขาถาม |
นอกจากนี้ก็ใช้เวลาพูดถึงชื่อต่างๆเช่นชื่อหนังสือ, นิตยสาร, เพลง,ละคร, กลอน, บทความหรืออื่นๆ เช่น
I want to tell you about the ending of "Inside Out"!
ฉันอยากเล่าตอนจบของเรื่อง Inside Out ให้เธอฟังจัง
Do you like "Bad Blood"? คุณชอบเพลง Bad Blood ไหม |
หรือเวลาพูดถึงอะไรบางอย่างแต่ไม่ได้หมายความถึงความหมายปกติของคำนั้นๆเช่น
Your "friend" is coming this way.
"เพื่อน" แกกำลังมาทางนี้ละ (สื่อว่าคนนั้นไม่ใช่เพื่อนแน่ๆ) |
ส่วนการใช้เครื่องหมายคำพูดซ้อนกัน นิยมใส่เครื่องหมายคำพูดแบบsingle ไว้ข้างในแล้วเอาแบบ double ครอบไว้ชั้นนอกอีกทีถ้าต้องเขียนเครื่องหมายทั้ง 2 ติดกันก็อย่าลืมเว้นช่องระหว่างเครื่องหมายด้วยไม่งั้นจะเหมือนมีเครื่องหมายคำพูด 3 ตัวเรียงกันแทน
I said, "Mary said, 'Don't go there!' "
ฉันบอกว่าแมรี่พูดว่า "อย่าไปที่นั่น" |
สำหรับผู้ที่ชอบใช้แบบ single เป็นหลักมากกว่า สามารถสลับที่เครื่องหมายได้เช่นกันเพียงแต่ว่าถ้าเลือกใช้แบบไหน ก็ต้องใช้สไตล์นั้นให้เหมือนกันทั้งงานเขียนค่ะ(ส่วนมากจะเป็นคนอังกฤษที่ชอบใช้แบบ single เป็นหลักมากกว่า)
I said, 'Mary said, "Don't go there!" ' |
นอกจากนี้ที่เจอในนิยายบ่อยๆหรือบทสัมภาษณ์ยาวๆ คือบทพูดที่ยาวเกินย่อหน้าเดียวค่ะไม่ว่าจะพูดต่อเนื่องกี่ย่อหน้า ให้ใส่เครื่องหมายคำพูดเปิดขึ้นต้นทุกย่อหน้าแต่เครื่องหมายคำพูดปิดเอาไว้ตอนจบบทพูดทีเดียวเท่านั้น
"..............บทพูดยาวๆ ย่อหน้าแรก พูดไปเลยกี่ประโยคก็ได้...........
...........................................................................................
"..............บทพูดยาวๆ ย่อหน้าที่สอง พูดต่อไปเรื่อยๆ ..................
................................................................
"..............บทพูดย่อหน้าสุดท้ายละ .........................................
.....ตัวละครนี้พูดจบแล้วหรือผู้ให้สัมภาษณ์พูดจบแล้ว ค่อยใส่ปิดทีเดียว...." |
การใช้เครื่องหมายวรรคตอนอื่นๆคู่กับเครื่องหมายคำพูด
ทีนี้มาดูการใช้เครื่องหมายวรรคตอนต่างๆกันดีกว่าค่ะ จุดกลุ่มง่ายๆ เป็น 3 กลุ่ม
เครื่องหมายอัศเจรีย์(!) และปรัศนี (?)
เครื่องหมายตกใจในภาษาอังกฤษเรียกว่า exclamationmark หรือ exclamation point ส่วนเครื่องหมายคำถามเรียกว่าquestion mark ค่ะส่วนตำแหน่งที่จะใส่มันนั้นให้ดูว่ามันมากับส่วนไหน ถ้ามากับส่วนที่เป็นคำพูดก็ใส่ไว้ในเครื่องหมายคำพูดได้เลยเช่น
She said, "Get out!"
เครื่องหมายตกใจมากับคำพูดที่สั่งให้ออกไป
จึงใส่ไว้ข้างในเครื่องหมายคำพูดได้เลย
"Will you be there?" he asked.
เครื่องหมายคำถามมากับประโยคคำถามที่เขาถาม
จึงใส่ไปข้างในเครื่องหมายคำพูดได้เลย |
ถ้ามากับส่วนที่อยู่นอกประโยคคำพูดนั้นๆเราก็ต้องแยกมันออกมานอกเครื่องหมายคำพูด
Did he say "yes"?
เครื่องหมายคำถามมากับส่วนที่ถามว่าเขาพูดจริงหรอ
ไม่ได้มากับ yes จึงใส่ไว้นอกเครื่องหมายคำพูด |
เครื่องหมายทวิภาค (:)อัฒภาค (;) และยัติภังค์(-)
เครื่องหมายทวิภาคภาษาอังกฤษเรียกว่า colonเครื่องหมายอัฒภาคภาษาอังกฤษเรียกว่า semi-colon ส่วนเครื่องหมายขีดเรียกว่า dash เครื่องหมายทั้ง 3ตัวนี้จะต้องไว้นอกเครื่องหมายคำพูดเสมอ เช่น
Andy quoted his favorite line from "Harry Potter": "To the well organized mind, death is but the next great adventure."
แอนดี้ยกคำพูดจากท่อนโปรดจาก"แฮร์รี่ พอตเตอร์" มาว่า
"สำหรับจิตใจที่จัดระเบียบดีแล้ว ความตายก็เป็นการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่งเท่านั้น"
Benji really loved "Uptown Funk"; he spent months learning how to dance.
เบนจี้รักเพลง "Uptown Funk" มากๆ เขาใช้เวลาเป็นเดือนๆ ในการเรียนเต้นเลย
Kate said, "I don't believe in fairies"-right before a fairy fell from the sky.
เคทพูดว่า "ฉันไม่เชื่อในนางฟ้า" ก็พอดีกับตอนที่นางฟ้าตนหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้า |
เครื่องหมายมหัพภาค (.)และจุลภาค (,)
เครื่องหมายจุด (period) และลูกน้ำ (comma) มีหลักการใช้ที่ต่างกันเล็กน้อยระหว่างภาษาอังกฤษแบบบริติชและแบบอเมริกันโดยแบบบริติชจะดูว่ามันมากับอะไรถ้ามากับส่วนที่ยกคำพูดมาก็ใส่ไว้ในเครื่องหมายคำพูดเลยแต่ถ้าไม่ได้มาด้วยกันก็จะไว้ข้างนอกเหมือนกับการใช้เครื่องหมายตกใจและเครื่องหมายคำถามเลย
She said, "I have do it by myself. Don't worry about me."
เธอบอกว่า "ฉันต้องทำมันด้วยตัวเอง ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก" |
ยกเว้นกรณีที่นำเครื่องหมายคำพูดมาใส่กลางประโยคจะต้องเปลี่ยนจากเครื่องหมายจุดเป็นเครื่องหมายลูกน้ำแต่ก็ยังใส่ไว้ข้างในเครื่องหมายคำพูดเช่นเดิม เพราะมันมากับตัวคำพูดที่เรายกมา
When I told him "I'm leaving," he cried.
เมื่อฉันบอกเขาว่า "ฉันจะไปแล้ว" เขาก็ร้องไห้
ตัวคำพูดที่มาจริงๆ คือ I'm leaving. |
ถ้าเครื่องหมายจุดและลูกน้ำไม่ได้มากับสิ่งที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูดก็นำมันออกมาข้างนอก
I wrote a novel called "The Heaven's Gates". ชื่อนิยายเราคือ The Heaven's Gates เครื่องหมายจุดจึงไม่ได้มากับชื่อนิยายเรา |
ส่วนแบบอเมริกันนั้นนิยมใส่เครื่องหมายจุดและลูกน้ำไว้ในเครื่องหมายคำพูดเลยไม่ว่ามันจะมากับสิ่งที่ยกมาหรือชื่อเฉพาะนั้นๆ หรือไม่แต่ถ้าสิ่งที่ยกมาเป็นชื่อเฉพาะที่ลงท้ายด้วย . อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องใส่ 2 จุดซ้ำกันนะคะ
I wrote a novel called "The Heaven's Gates." |
หมายเหตุ ถ้าคำพูดที่เรายกมามีหลายประโยคและมีการใช้เครื่องหมายวรรคตอนต่างๆ มาในต้นฉบับอยู่แล้วเราต้องนำทุกอย่างใส่ในเครื่องหมายคำพูดให้ครบ หรือถ้าชื่อเฉพาะนั้นๆมีเครื่องหมายวรรคตอนมาในตัวอยู่แล้วก็ต้องนำมาใส่ในเครื่องหมายคำพูดให้ครบเช่นกัน อย่างโค้ดคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีเครื่องหมายพิเศษต่างๆในคำสั่ง ก็ต้องนำมาใส่เครื่องหมายคำพูดทั้งก้อนเลยนะคะไม่งั้นผิดแค่ตัวเดียวนี่ชีวิตเปลี่ยนเลยแหละ
I wrote a book called "Good Crimes: The Story of December".
ชื่อนิยายเราคือ Good Crimes: The Story of December
เครื่องหมาย : จึงต้องอยู่ในเครื่องหมายคำพูดด้วย
ส่วนเครื่องหมายจุดท้ายประโยคนั้น พี่เลือกใช้แบบบริติชค่ะ |
เรื่องนี้อาจจะดูจุกจิกนิดนึงแต่การวางตำแหน่งเครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกก็ช่วยให้งานเขียนของเราดูน่าเชื่อถือมากขึ้นนะคะใครที่กำลังแต่งนิยายเป็นภาษาอังกฤษอยู่ก็ลองทำไปฝึกใช้ดูค่ะส่วนจะเลือกใช้แบบใดนั้นขึ้นกับความชอบส่วนตัวเลยเพียงแต่ว่าเราต้องเขียนสไตล์นั้นตลอดทั้งงานเขียนนะคะไม่ใช่ว่าท่อนนึงใช้แบบบริติช อีกท่อนใช้แบบอเมริกัน
|