1. การจองตั๋วและการจัดเตรียมสิ่งของ
โดยปกติการจองตั๋ว เราจะพิจารณาจากรายละเอียดเช่นราคาตั๋วเครื่องบิน ระยะเวลาการเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวกภายในเครื่องบินการบริการ และ ความเข้มงวดในเรื่องของน้ำหนักสิ่งของที่จะขนได้ไม่เท่ากันตั๋วแต่ละชนิดก็อนุญาตให้ขนน้ำหนักได้ต่างๆ กันไป
ส่วนกระเป๋าขึ้นเครื่องนั้นไม่ว่าจะสายการบินไหน คลาสอะไร โดยทั่วไปแล้วเค้าก็ให้แค่ 7 กิโล+ กระเป๋าโน้ตบุคหรือกระเป๋าเอกสารอีก 1 ใบ(แต่ในทางปฏิบัติก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรขนาดนั้น ขอให้ไม่ดูแล้วหนักเกินไป หรือใหญ่เกินไป)
ก่อนเดินทางไปสนามบินให้มั่นใจว่ามีเอกสารเหล่านี้ติดตัวนะคะ
- พาสปอร์ต
- วีซ่า หากเป็นวีซ่านักเรียนควรเตรียมเอกสารใบตอบรับเข้าเรียนของโรงเรียนติดตัวไว้ด้วย
- ตั๋วเครื่องบิน
- ชื่อและเบอร์ติดต่อของเจ้าหน้าที่จะมารับปลายทาง
2.การเช็คอิน
ขั้นตอนการเช็คอิน เมื่อไปถึงสนามบินก็มองหาเคาน์เตอร์สายการบินเตรียม ตั๋วกับพาสปอร์ตให้เรียบร้อยเพื่อความสะดวกก็เอาตั๋วเครื่องบินแนบไว้ในหน้าพาสปอร์ตที่มีวีซ่าของเราไป เลยเวลาเค้าเปิดหาจะได้เปิดง่ายๆ
เราจะต้องยกกระเป๋าที่จะโหลดใต้เครื่องขึ้นใส่สายพานให้เจ้าหน้าที่ด้วยตัว เองดังนั้นถ้ากระเป๋าใหญ่มากแล้วตัวเล็กยกไม่ไหวก็ให้หาคนไปช่วยยกหรือไม่ก็แบ่งเป็นกระเป๋าเล็กสองกระเป๋าแทน ส่วนกระเป๋าโหลดไม่ต้องใส่ลงไปเว้นแต่เจ้าหน้าที่บอกให้ชั่งดู ก็ต้องชั่งตามนั้น
สิ่งที่เจ้าหน้าที่จะถามเมื่อเช็คอินก็คือเรามีสิ่งของไหนที่เป็นวัตถุอันตราย วัตถุระเบิด วัสดุติดไฟ และของผิดกฎหมายอื่นๆหรือไม่ และโดยเฉพาะกระเป๋าที่จะถือขึ้นเครื่องนั้นจะมีข้อบังคับที่เข้มงวดกว่ากระเป๋าที่โหลดเสียอีก นั่นคือ สิ่งของที่ว่ามาทั้งหมดในข้างต้นห้ามนำขึ้นเครื่องรวมทั้ง ของมีคม เครื่องมือพวกไขขวงต่างๆ ด้วย และที่สำคัญคือของเหลว
ระเบียบการถือของเหลวขึ้นเครื่อง
- ของเหลว(รวมทั้งเจลต่างๆ )แต่ละชิ้นจะต้องบรรจุในภาชนะขนาดไม่เกิน 100 มิลลิลิตรต่อให้มีปริมาณเหลือน้อย แต่ถ้าปริมาตรบรรจุของภาชนะเกิน 100 มิลลิลิตรก็เอาขึ้นไม่ได้
- ของเหลวทั้งหมดรวมกันไม่เกิน 1000 มิลลิลิตร
- ของเหลวทั้งหมดต้องรวมกันใส่ถุงพลาสติกใส
ถ้าไม่ปฏิบัติตามนี้จะต้องโดนยึดทิ้งเมื่อตรวจสิ่งของที่ด่านรักษาความปลอดภัยขาออก
การเลือกที่นั่ง
โดยปกติเราสามารถเลือกที่นั่งได้ล่วงหน้าหรือบอกเจ้าหน้าที่ตอนเช็คอินก้อได้ มีคำแนะนำในการเลือกที่นั่งดังนี้
- ถ้าเป็นคนเข้าห้องน้ำบ่อย ให้เลือกนั่งติดทางเดินอย่านั่งติดหน้าต่างเพราะจะได้ไม่ต้องเข้าๆ ออกๆ บ่อยๆเป็นที่รำคาญแก่คนที่นั่งข้างๆ
- ถ้าไม่มีปัญหาการเข้าห้องน้ำ และอยากจะเห็นทิวทัศน์ข้างนอกก็ให้เลือกนั่งติดหน้าต่าง
- หากอยากให้ได้บรรยากาศการนั่งเครื่องบินก็จะต้องนั่งมองจากหน้าต่างออกไปแล้วมองเห็นปีก ดังนั้นก็ต้องขอที่นั่งที่ค่อนไปทางหางๆ
BoardingPass
หลังจากเช็คอินแล้ว เราจะได้รับ Boarding Pass ซึ่งจะระบุข้อมูลสำคัญที่แต่ละสายการบิน
- เที่ยวบิน / Flight Number
- สกุล/ชื่อ ของผู้เดินทาง
- คลาสที่เดินทาง
- วันที่เดินทาง / Departure Date
- เวลาเดินทาง / Departure Time
- สนามบินต้นทาง
- กำหนดเวลาปลายทาง / Arrival Time
- สนามบินปลายทาง
- ประตู / GATE
- ที่นั่ง / Seat
- เวลาขึ้นเครื่อง / Boarding Time (คือเวลาที่เราจะต้องไปถึงหน้าประตูเพื่อขึ้นเครื่องซึ่งเป็นคนละเวลากับเวลาเครื่องออก กรุณาอย่าสับสน เพราะถ้าสับสนตกเครื่องแน่นอน)
3.การกรอกเอกสารและตรวจหนังสือเดินทางขาออก
เมื่อเช็คอินเรียบร้อยและได้รับ Boarding Pass แล้ว เราจะเหลือสิ่งของแค่กระเป๋าที่เราจะนำติดตัวขึ้นเครื่องเท่านั้นดังนั้นก็เดินกันสบายตัว
สิ่งที่จะต้องทำเป็นขั้นตอนต่อไปคือการตรวจหนังสือเดินทางขาออกที่สนามบินสุวรรณภูมิมีจุดตรวจหนังสือเดินทางอยู่สองจุดใกล้ๆ กันจะเดินทางออกช่องไหนต้องถามเจ้าหน้าที่สายการบินเวลาเช็คอิน
ก่อนจะเข้าไปที่เคาน์เตอร์ตรวจพาสปอร์ตให้หยิบเอกสารใบขาออกมากรอกให้เรียบร้อย
เมื่อไปถึงเคาน์เตอร์ ให้เรายื่นพาสปอร์ต บอร์ดดิ้งพาสและใบขาออกให้เค้า ถ้าในพาสปอร์ตมีวีซ่าให้เอาเอกสารเสียบไว้หน้าที่มีวีซ่าเลยก็ได้ เจ้าหน้าที่จะได้เปิดหาได้ง่ายขึ้นเค้าก็จะไม่อะไรกับเรามากมาย เค้าแค่เช็ควีซ่าของเราว่ามีวีซ่าเรียบร้อยดีมั้ยหรือมีอะไรที่ทำให้เราไม่สามารถเดินทางได้รึเปล่า ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีเค้าก็จะคืนพาสปอร์ตมาให้เรา
4.การตรวจสิ่งของที่ด่านรักษาความปลอดภัยขาออก
หลังจากตรวจหนังสือเดินทางขาออกเรียบร้อยเราก็จะต้องผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องบิน ซึ่งสนามบินสุวรรณภูมิมี Security Checkpoints หลายจุดดังนั้นก็ให้ไปใช้บริการในจุดที่เป็นทางผ่านไปเกทที่เราจะเดินทาง
ในการตรวจสิ่งของนี้เราจะต้องเอากระเป๋าทั้งหมดใส่ลงไปบนสายพานเพื่อผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ ของอื่นๆเช่น นาฬิกา เข็มขัดที่มีหัวเป็นโลหะ มือถือ กระเป๋าสตางค์ เหรียญ ง่ายๆคือทุกสิ่งที่เป็นโลหะ ให้เอาใส่ถาดที่เค้าเตรียมไว้แล้วก็ใส่เข้าไปในสายพานพร้อมๆ กับกระเป๋าของเรา
หลังจากนั้นตัวเราเองก็เดินผ่านประตูตรวจโลหะถ้าไม่มีอะไรร้องก็เรียบร้อย เดินกลับไปรับกระเป๋าคืนได้ ถ้ามันร้องเจ้าหน้าที่ก็จะให้ถอยกลับไปเดินมาใหม่ ถ้ามีโลหะก็ให้ถอดออกหรือถ้าอยู่ในตำแหน่งถอดไม่ได้ เช่น กกน. ป้ายเหล็ก พวกนี้ก็เปิดให้เค้าดูเค้าอาจจะเอาเครื่องตรวจโลหะมาทาบๆ
5.การเตรียมพร้อมขึ้นเครื่อง
เมื่อผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัยมาแล้วก็ถึงเวลาต้องไปรอหน้าเกทเตรียมตัวขึ้นเครื่อง หากไม่เคยเดินทางมาก่อนให้เดินไปดูที่เกทให้เรียบร้อยว่าเกทอยู่ตรงไหนแน่ ถ้ามีเวลาเหลือเยอะอาจจะออกไปเดินเล่นก่อนก็ได้ แต่จำทางไปให้ดีและดูหน้าจอเรื่อยๆเผื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกท แต่ถ้ามีเวลาเหลือน้อย คือประมาณไม่เกิน 45 นาทีก่อนเครื่องออก ไม่ควรจะหนีไปไหน เพราะอันที่จริงเค้ามักจะเรียกขึ้นเครื่องก่อนเครื่องออกตั้งแต่ประมาณ1 ชั่วโมงก่อนเครื่องออกแล้วด้วยซ้ำ เพราะเดินทางไกลคนเยอะเค้าต้องให้เวลาคนขึ้นไปเตรียมตัวบนเครื่อง
โดยทั่วไปการเรียกเข้าเกทมักจะมีหลายประตูเพราะเครื่องใหญ่ เจ้าหน้าที่จะบอก หรือมีป้ายบอกว่าชั้นที่นั่งของเราต้องออกประตูไหนของงวงที่เชื่อมกับเครื่อง จริงๆก็ไม่มีอะไรยากในขั้นตอนนี้ขึ้นไปบนเครื่องแล้วก็หาที่นั่งให้เจอและเข้าที่นั่งให้เรียบร้อย
6.ข้อควรปฎิบัติเมื่ออยู่บนเครื่องและการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉิน
เมื่อถึงที่นั่งของเราแล้ว สิ่งที่ควรจะทำคือจัดกระเป๋าสัมภาระสิ่งของที่เราถือขึ้นเครื่องไปเก็บไว้ในที่ๆ เหมาะสม ได้แก่บนช่องเก็บของเหนือศีรษะ หรือที่ช่องวางเท้าใต้เบาะข้างหน้าของเรา(เว้นแต่พอเครื่องจะขึ้นไม่มีคนนั่งข้าง อาจจะเอาไปใส่ช่องวางเท้าใต้เบาะของที่นั่งข้างๆก็ได้ เราจะได้นั่งสบายหน่อย)
เก็บกระเป๋าเสร็จรัดเข็มขัดให้กระชับเรียบร้อยตรวจสอบอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดว่าปิดเรียบร้อยแล้วหรือยังรวมทั้งอุปกรณ์อิเลคทรอนิคอื่นๆ เช่น เครื่องเล่น MP3 / DVD / CD รวมทั้ง Notebookด้วย
สำหรับกล้องดิจิตอลนั้น เป็นเรื่องที่เถียงกันแทบเป็นแทบตายในแวดวงการบินเป็นสิ่งที่คนสนับสนุนแต่ละข้างก็เถียงหัวชนฝาฝ่ายนึงบอกว่าใช้ไม่ได้เพราะจะเป็นการรบกวนการบินแต่อีกฝ่ายนึงบอกว่าใช้ได้เพราะไม่ได้มีการส่งสัญญาณอะไรอีกอย่างนึงก็ไม่เคยปรากฎว่าเคยมีเหตุการณ์เครื่องบินตกเพราะการรบกวนของกล้องถ่ายรูปสักที
สิ่งที่ต้องระวังมากๆในการถ่ายรูปตอนเครื่องขึ้นลงก็คือ เครื่องบินจะสั่นมากๆถ้าเอากล้องไปใกล้หน้าต่างเกินไป เลนส์อาจจะโขกกับหน้าต่างได้แต่ถ้าห่างเกินไปก็จะติดขอบหน้าต่างหรือไม่ก็กลายเป็นถ่ายตัวหน้าต่างแทน
ก่อนเครื่องจะขึ้นแอร์จะบอกให้เราตั้งเบาะให้ตรง (ปกติมันตรงไว้อยู่แล้ว ก็อย่าเพิ่งไปปรับเอนลง5555)เก็บที่วางถาดอาหารให้เข้าที่ และหน้าต่างต้องเปิดม่านขึ้นจนสุดทั้งนี้เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย
นอกจากนั้นก่อนเครื่องเทคออฟเค้าจะมี SafetyDemo ซึ่งจะอธิบายเกี่ยวกับระบบทั่วไปของเครื่องบินและการปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น ขอให้ให้ความสนใจกับคำแนะนำนี้เพราะเราไม่มีทางรู้ได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า
เมื่อนั่งที่นั่งให้ดูว่าตำแหน่งที่เรานั่งไปจนถึงตำแหน่งทางออกฉุกเฉินนั้นห่างกันแค่ไหนมีที่นั่งกั้นไว้กี่ที่ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินแล้วไฟดับเราอาจจะต้องใช้วิธีนับเบาะเพื่อให้ไปถึงประตูฉุกเฉินได้ง่ายที่สุด
ตามสถิติแล้วช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดในการเดินทางทางเครื่องบินก็คือช่วงที่เครื่องขึ้นหรือลง อุบัติเหตุส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ดังนั้นจึงต้องให้ความสนใจกับความเป็นไปให้มากและพร้อมจะปฏิบัติการหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น เมื่อเครื่องอยู่ในสถานะที่สั่นมากกัปตันจะเปิดไฟรัดเข็มขัด หมายความว่าให้รัดเข็มขัดและนั่งอยู่กับที่อย่าหนีไปไหนจนกว่าไฟจะดับ
สำหรับตอนเครื่องลงก็เหมือนกันกับตอนขึ้นคือต้องปรับที่นั่งให้เรียบร้อย พับถาดใส่อาหารให้เข้าที่ เปิดหน้าต่างรวมทั้งเก็บข้าวของไว้ในที่ๆ เหมาะสมเหนือหัวหรือที่วางเท้าใต้ที่นั่งข้างหน้าเราและที่สำคัญที่สุดคือเข็มขัดนิรภัยจะต้องรัดให้เรียบร้อย
7.การรับกระเป๋าเดินทางจากสายพาน
การรับกระเป๋าคืนก็ไม่มีอะไรมากแค่ไปยืนเฝ้าที่สายพานให้ตรงกับที่จอระบุว่าเป็นเที่ยวบินของเรา รอจนกระเป๋าเราวนมาถึงแล้วก็ค่อยหยิบไป
8.การตรวจสิ่งของที่ด่านรักษาความปลอดภัยขาเข้า
ได้กระเป๋ามาแล้วก็ผ่านด่านรักษาความปลอดภัยขาเข้า ซึ่งก็คล้ายๆขาออก แต่คราวนี้เค้าจะไม่สนใจเรื่องของเหลวแล้วแต่จะสนใจเรื่องของที่เรานำเข้าประเทศว่ามีของต้องห้ามบ้างรึเปล่า จะมีเจ้าหน้าที่มายืนดักปากทางดูใบที่เรากรอก แล้วจะบอกว่าเราต้องไปไหน พอถึงที่ตรวจสิ่งของเค้าจะดูใบของเราว่ามีของอะไรต้องห้ามหรือไม่ ถ้าบอกว่ามีอาหารจะถามว่ามันคืออะไรอาจจะขอให้เราเปิดให้ดู
เพิ่มเติม หากจะต้องต่อเครื่องตามเมืองต่างๆควรเผื่อเวลาที่จะไปเกทด้วยนะคะ หากเวลาเหลือเยอะก็ไปเดินเล่น หาอะไรกินก่อนก็ได้ค่ะ และไม่ควรกินอะไรที่ผิดสำแดงหรืออะไรที่เราจะท้องเสียได้นะคะถ้าปวดท้องขึ้นมา ลำบากแย่ค่ะ เมื่อถึงอเมริกาแล้วก็เตรียมตัวพบกับเจ้าหน้าที่ที่ไปรับได้เลยนะคะ><
เรียบเรียง Ice : KhonThaiAmerica
รูปจาก
www.mynrma.com.au pantip.com http://airportthai.co.th/ www.cntraveler.com www.thepowerpointblog.com reflectionsofgracehome.wordpress.com www.flickr.com lifeasmom.com www.dmc.tv