แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2015-12-29 15:33
1. Alabama (อลาบามา)
(แผนที่รัฐอลาบามา)
เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกามีพื้นที่ทั้งหมด 135,775 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 4,447,100 คน อักษรย่อของที่ทำการไปรษณีย์สหรัฐคือ AL เมืองขนาดใหญ่ เบอร์มิงแฮม มอนต์กอเมอรี เป็นรัฐมีจำนวนสปีชี่ส์สิ่งมีชีวิตหลากหลายที่สุดในประเทศ โดยส่วนมากจะอยู่บริเวณแม่น้ำของรัฐ
2.Alaska (อลาสกา)
รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับสหรัฐอเมริกา นับเป็นรัฐที่ 49 มีจำนวนประชากร 626,932 คน (พ.ศ. 2543) ชื่อ อะแลสกา นั้นน่าจะเพี้ยนมาจากคำในภาษาแอลิอุต ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นว่า “Alyeska” แปลว่า “ดินแดนที่ไม่ใช่เกาะ” 18 ตุลาคม 1867 หรือเมื่อประมาณ145ปีที่แล้ว เป็นวันที่อะแลสกาของรัสเซีย เข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐโดยสมบูรณ์ โดยในวันนั้น ที่เมือง โนวา – อาร์คานเกลสค์ เมืองหลวงอะแลสกาของรัสเซีย ที่ต่อมาถูกเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อเดิมคือ ซิทก้า ได้มีพิธีส่งมอบคาบสมุทรแห่งนี้ให้กับสหรัฐตามประวัติ เชื่อว่าคนเชื้อสายเอเชีย อพยพข้ามช่องแคบแบริ่ง เข้ามาลงหลักปักฐานที่อะแลสการาวเมื่อ 1 หมื่น 2 พันปีก่อน การเข้าไปติดต่อกับคนที่นี่ของชาวยุโรป เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1741 เมื่อ วิตุส แบริ่ง เดินทางไปที่นั่นกับเรือเซ็นต์ปีเตอร์ เพื่อทำการสำรวจให้กับกองทัพเรือรัสเซีย และเมื่อคณะสำรวจกลับออกมา ขนสัตว์จากที่นั่นก็ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพดีเยี่ยม คณะนักค้าขนสัตว์เล็กๆจึงเริ่มมาที่อะแลสกา โดยหลักฐานการตั้งหลักฐานของชาวยุโรปที่นี่ว่าเกิดขึ้นในปี 1784 ตั้งแต่ ช่วงต้นจนถึงช่วงกลางทศวรรษที่ 1800 รัสเซียและสหรัฐเริ่มเข้ามาสำรวจอะแลสกา เพื่อโครงการขยายอาณานิคม แต่รัสเซียไม่เคยผนวกอะแลสกาเป็นอาณานิคมโดยสมบูรณ์ และก็ไม่ได้หาประโยชน์จากดินแดนแห่งนี้มากนัก ผิดกับฝ่ายสหรัฐที่ได้แสดงความสนใจในดินแดนแห่งนี้ ข้อ ตกลงเรื่องการขายอะแลสกา ลงนามโดยนายวิลเลี่ยม เซวาร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเมื่อ 30 มีนาคม 1867 งานนี้ ฝ่ายอเมริกันต้องจ่ายเป็นค่าดินแดนขนาด 1 ล้าน 5 แสนตารางกิโลเมตรเพียง 7 ล้าน 2 แสนดอลล่าร์ หรือเทียบเท่ากับ 11 ล้านรูเบิ้ลทองคำใน ยุคปัจจุบันนี้ นักประวัติศาสตร์หลายคนออกมาตำหนิการตัดสินพระทัยขายอะแลสกาของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ว่ามองการณ์ใกล้ และไม่มีความรักชาติเอาเสียเลย ขายไปได้ยังไง คนรัสเซียที่อยู่ที่นั่นก็ตั้งมากมาย แต่นักประวัติศาสตร์หลายคนบอกว่าในยุคที่ขายนั้น คนรัสเซียในอะแลสกามีอยู่แค่ไม่กี่ร้อยคน ทรัพยากรธรรมชาติมีค่าอะไรก็ยังหาไม่พบส่วนทางฝ่ายสหรัฐฯ หลายคนในยุคนั้น มองไม่เห็นประโยชน์ของการซื้ออะแลสกา ดินแดนที่ทั้งไกลก็ไกล ร้างผู้คนก็ร้าง สื่อมวลชนในยุคนั้นก็ล้อเลียนรัฐบาลว่าเสียเงินไปมากมายเพื่อซื้อก้อนน้ำแข็ง ถึงขั้นมีข่าวลือว่า นักการทูตรัสเซียยัดเงินใต้โต๊ะ ให้ข้าราชการสหรัฐเดินเรื่องเพื่อให้มีการซื้อขาย เพิ่งจะปลายศตวรรษที่ 19 เท่านั้น ที่เริ่มมีการค้นพบทองคำ ต่อมาก็ยังพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอีกมากมายมหาศาลตอน แรกเมื่อมาอยู่กับสหรัฐ อะแลสกา อยู่ในการดูแลของกระทรวงการทหาร ต่อมาก็ถูกยกระดับสถานะเรื่อยมา จนได้เป็นรัฐที่ 49 ของสหรัฐ เมื่อ 1959
อะแลสกา(alaska) อดีตขุมทองที่รุ่งเรืองขนาดที่มีคนแต่งเพลงขึ้นเหนือไปอะแลสกา หรือ “North to Alaska” บอกเล่าเรื่องราวของนักแรมทางที่บุกเบิกไปสู่ดินแดนเหนือสุดขั้วโลก ปัจจุบันได้กลายมาเป็นดินแดนธรรมชาติอันบริสุท เต็มไปด้วยทิวทัศที่งดงามบนเส้นทางท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ดีที่สุดเส้นหนึ่งในโลกที่ใครๆก็ใฝ่ฝันจะได้สัมผัสสักครั้งในชีวิต เริ่มต้นจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เรือสำราญและเรือเฟอร์รี่ทั้งหลายออกเดินทางเลียบชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ เข้าไปสู่เส้นทางเดินเรือที่เรียกกันว่า Inside Passageเป็นการเดินทางอยู่ท่ามกลางเกาะแก่งและชายฝั่งอันหยึกหยักไปตลอดแนว เรือสำราญจะไปเทียบท่าแห่งแรกที่เมืองเคตซิกันอันเป็นเมืองหน้าด่านของอะแลสกา และเป็นศูนย์รวมของการเลี้ยงปลาแซลมอน ท่าเรือที่สองคือจูโน เมืองหลวงของอะแลสกา ไปจนถึงท่าเรือที่สามคือเมืองสแกกเวย์ เมืองเก่าที่เต็มไปด้วยสีสันมีเส้นทางรถไฟที่โด่งดังที่สุดคือไวท์พาส (White Pass) ต่อจากนั้นคือการล่องเรือสำราญเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติอ่าวกลาเซียร์ และคอลเล็จ ฟยอร์ด อันเป็นธารน้ำแข็งที่งดงามตระการ และสามารถชมได้จากทางเรือเท่านั้น
เคตชิกัน (Ketchikan) เป็นเมืองแรกบนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอะแลสกา ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณปากอ่าวที่ห้วยเคตชิกันไหลลงมา คลาคล่ำไปด้วยฝูงปลาแซลมอนในฤดูวางไข่ ทำให้เมืองนี้มีอุตสาหกรรมผลิตปลาแซลมอนมากที่สุดจนได้รับสมญานามว่า“Salmon Capitan”ตัวเมืองติดกับท่าเรือ เดินชมไปได้จนถึงชุมชนเก่าริมน้ำซึ่งเป็นบ้านไม้ในยุคบุกเบิกที่สีสันสวยงาม มีทางเดินเลียบถนนชายคลอง บ้านช่องกลายเป็นบูติก ร้านขายสินค้าท้องถิ่นและของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีรายการท่องเที่ยวออกไปนอกเมือวที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่องเรือสู่มิสตีฟยอร์ด(Misty Fjord)ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝนตกชุก ตามภูผาที่ขนาบทั้งสองฝั่งแม่น้ำที่คดเคี้ยวไปมาจึงเต็มไปด้วยธารน้ำตก สามารถขึ้นเครื่องบินน้ำเพื่อชมความงามทางอากาศได้อีกด้วย
คอลเล็จ ฟยอร์ด (College Fjord) ตั้งอยู่ในเวิ้งอ่าวใหญ่ของPrince William Soundซึ่งก่อให้เกิดเป็นฟยอร์ดหรือชายฝั่งที่เว้าแหว่ง และในคอลเล็จ ฟยอร์ดนี้มีธารน้ำแข็งริมทะเลถึง 5 สาย การชมธารน้ำแข็งเหล่านี้จึงต้องล่องเรือเข้าไปในฟยอร์ดยามอรุณรุ่งจะเป็นบรรยกาศที่งดงามที่สุดทีเดียวฤดูกาลที่แนะนำ สามารถเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคน-กลางเดือนกันยายนซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ช่วงที่อากาศแจ่มใสที่สุดคือเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงป่าและทุ่งหญ้าจะเปลี่ยนสีสวยงามกิจกรรมแนะนำขึ้นเครื่องบินท่องเที่ยวซึ่งมีอยู่ทุกท่าเรือ นั่งเรือชมสัตว์ทะเล ชมสัตว์ป่า หมีสีน้ำตาล
3.Arizona (อริโซนา)
แผนที่รัฐอริโซนา เป็นรัฐขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ติดกับประเทศเม็กซิโกทางทิศใต้ เป็นหนึ่งในสี่รัฐมุมซึ่งมุมทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐชนกับอีก 3 รัฐพอดี เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐคือ ฟีนิกซ์ เมืองสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ทูซอน และเมซา ภูมิประเทศส่วนใหญ่ในรัฐมีลักษณะเป็นทะเลทราย มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในรัฐได้แก่ มหาวิทยาลัยแอริโซนาสเตตและ มหาวิทยาลัยแอริโซนา สถานท่องเที่ยวที่สำคัญของรัฐคือ แกรนด์แคนยอน และ แอนเทโลปแคนยอน ทีมกีฬาที่มีชื่อเสียงในรัฐได้แก่แอริโซนา คาร์ดินาลส์ และ ฟีนิกซ์ ซันส์ในปี 2551 แอริโซนามีประชากรประมาณ 6,338,755 คน ไม่เพียงแต่จะมีภูมิประเทศเป็นสีแดงเท่านั้น รัฐนี้ยังสามารถผลิตทองแดงได้มากที่สุดในประเทศด้วย
แกรนด์ แคนยอน
แกรนด์ แคนยอน (Grand Canyon) ตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ความน่าอัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนอยู่ที่ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ โดยถือกำเนิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำ การจะรู้ถึงแหล่งกำเนิดของ “แกรนด์แคนยอน” คงต้องขอย้อนอดีตกลับไปนานอักโขในช่วงหลายร้อยล้านปีที่ผ่านมา สายน้ำโคโลราโด (Colorado) ที่มีสภาพเป็นเพียงลำธารเล็กๆได้ไหลคดเคี้ยวตามที่ราบกว้าง ใหญ่ที่อยู่ระดับเดียวกับน้ำทะเล ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้นเนื่องมาจากแรงดันและความร้อนอันมหาศาล ภายใต้พื้นโลก ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปและกลายเป็นแนวหน้าผากว้างใหญ่ ซึ่งการยกตัวของแผ่นดินทำให้ทางที่ลำธารไหลผ่านลาดชันขึ้นและทำให้น้ำไหลแรงมากขึ้น พัดเอาทรายและตะกอนไปตามน้ำเกิดการกัดเซาะลึกลงไปทีละน้อยๆในเปลือกโลก การสึกกร่อนพังทลายของหิน บวกกับแรงลมและแสงแดดได้ดำเนินมานานหลายล้านปี จนเกิดเป็น “แกรนด์แคนยอน” ภูมิประเทศอันน่าพิศวงนี่เอง 3.Arkansas (อาร์คันซอ)
(แผนที่รัฐอาร์คันซอ) เป็นรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา มีประชากร 2,752,629 (สัมมโนปี พ.ศ. 2547) อาร์คันซอเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่ 25 ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2379 (ค.ศ. 1836) อาร์คันซอเป็นชื่อที่ตั้งจากชาวฝรั่งเศสในช่วงที่บุกเบิกดินแดน ซึ่งมีความหมายว่า “ปลายน้ำ” เป็นรัฐที่ผลิตข้าวได้มากที่สุดในประเทศ (46%) อาร์คันซอเป็นบ้านเกิดของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บิล คลินตัน และแซม วอลตัน เจ้าของธุรกิจ วอล-มาร์ต และ พอล คลิปช์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องเสียง คลิปช์ (Klipsch) (ปัจจุบันย้ายไปที่ รัฐอินดีแอนา)
4.California (แคลิฟอร์เนีย)
(แผนที่รัฐแคลิฟอร์เนีย)
เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ติดมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดและมีพื้นที่เป็นอันดับสามในสหรัฐฯ อักษรย่อของที่ทำการไปรษณีย์สหรัฐคือ CA มีชื่อเล่นว่า “The Golden State” ซึ่งมีที่มาจากทุ่งหญ้าที่เปลี่ยนเป็นสีทองในฤดูแล้ง (ไม่เกี่ยวกับการตื่นทองในรัฐแคลิฟอร์เนียแต่อย่างใด) ประชากรส่วนมากอยู่ทางใต้ของรัฐมากกว่าทางตอนเหนือแคลิฟอร์เนียรัฐเดียวผลิตผลิตภัณฑ์มวลรวมจำนวนถึง 14% ของประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมด และยังเป็นรัฐที่ผลิตได้มากเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าลองมองแคลิฟอร์เนียแยกเป็นประเทศอิสระ จะเป็นประเทศที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ถัดจากประเทศฝรั่งเศส ภาคเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่สำคัญที่สุด ตามมาด้วยอวกาศยาน และธุรกิจบันเทิง และธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตในย่านซิลิคอนแวลลีย์มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นอันดับ 8 ของโลก นอกจากนี้ยังมีการพบเห็นUFO มากที่สุดด้วย เฉลี่ยปีละ 6,331 ครั้ง
5. Colorado (โคโลราโด)
(แผนที่รัฐโคโลราโด)
เป็นรัฐทางตอนกลางตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา โคโลราโดเป็นรัฐที่อยู่ในเขตเทือกเขาร็อกกีซึ่งครอบคลุมราวๆครึ่งหนึ่งของรัฐทางฝั่งตะวันตก ในขณะที่ฝั่งตะวันออกของรัฐเป็นที่ราบ กองสำรวจประชากรแห่งสหรัฐ ได้สำรวจว่า ในปี พ.ศ. 2549 มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 4,753,377 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 10.49 เปอร์เซ็นต์จากปี พ.ศ. 2543 และโคโลราโดเป็นรัฐที่มีประชากรกวางเอลก์ อาศัยอยู่มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา
แม้จะเป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศ รัฐนี้กลับได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่หุ่นดีที่สุดถึงสองปีซ้อน
6.Connecticut (คอนเน็กติคัต)
(แผนที่รัฐคอนเน็กติคัต)
เป็นรัฐทางตะวันออก ในสหรัฐอเมริกาอยู่ในเขตนิวอิงแลนด์ เมืองหลวงของคอนเนตทิคัตคือ ฮาร์ตฟอร์ด ชื่อของคอนเนตทิคัต มาจากชื่อของอินเดียนแดงเผ่าโมฮีแกน จากคำว่า “Quinnehtukqut” หมายถึง ดินแดนแห่งแม่น้ำสายยาว มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในรัฐได้แก่ มหาวิทยาลัยเยล และ มหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตที่มีชื่อทางด้านบาสเกตบอล เป็นรัฐที่ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีที่สุดโดยพิจารณาจากสุขภาพ การศึกษา และรายได้
7.Delaware (เดลาแวร์)
(แผนที่รัฐเดลาแวร์)
เป็นรัฐของสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของประเทศ รัฐเดลาแวร์ เป็นรัฐที่เล็กอันดับ 2 ของรัฐทั้งหมดรองจากรัฐโรดไอแลนด์ เมืองหลวงของรัฐเดลาแวร์คือ โดเวอร์ ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของรัฐ เดลาแวร์เป็น 1 ใน 13 รัฐแรกของสหรัฐอเมริกา และรัฐเดลาแวร์นี้ เป็นรัฐที่ก่อตั้งเป็นรัฐแรกของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2330 และเป็นรัฐที่มีเปอร์เซ็นต์นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่จบปริญญาเอกมากที่สุด
8.Florida (ฟลอริดา)
(แผนที่รัฐฟลอริดา)
เป็นรัฐที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้จักกันในนาม ซันไชน์สเตต (Sunshine State) มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหลมตั้งอยู่ระหว่าง อ่าวเม็กซิโก, มหาสมุทรแอตแลนติก และช่องแคบฟลอริดา คำว่า “ฟลอริดา” เป็นภาษาสเปนซึ่งหมายถึง “ที่ซึ่งอุดมไปด้วยดอกไม้” ชื่อของแหลมฟลอริดาตั้งชื่อโดยควน ปอนเซ เด เลออง (Juan Ponce de León) ซึ่งมาเทียบที่ชายฝั่งเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2056 (ค.ศ. 1513) ในช่วงเทศกาล “ปัสกวาโฟลรีดา” (Pascua Florida) หรือช่วงเทศกาลอีสเตอร์ของชาวสเปน วันปัสกวาโฟลรีดาจัดขึ้นในวันที่ 2 เมษายนของทุกปี และยังเป็นวันหยุดราชการด้วย ฟลอริดาเป็นหนึ่งในเจ็ดรัฐที่ไม่เก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
สวนสนุก Disney World
ที่มา https://bnnbnlb.wordpress.com/50 ... %E0%B8%97%E0%B8%A8/
|