แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2016-1-6 22:27
บทความจาก http://www.dek-d.com/studyabroad/39291/
การสมัครเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นทางสถานศึกษาจะเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครหรือไม่ก็ได้ บางแห่งก็เก็บบางแห่งก็ไม่เก็บ บางแห่งเก็บไม่เท่ากันในแต่ละหลักสูตรที่สมัครและบางแห่งก็เก็บค่าธรรมเนียมการสมัครไม่เท่ากันระหว่างเด็กอเมริกันและเด็กต่างชาติดังนั้นต้องตรวจสอบกับเว็บไซต์มหาวิทยาลัยที่สนใจเองนะคะว่าเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครเท่าไหร่
จากผลสำรวจของสื่ออเมริกันชื่อดังอย่าง U.S. News พบว่าค่าเฉลี่ยของค่าธรรมเนียมการสมัครเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในปี 2015อยู่ที่ $41 หรือประมาณ 1,670 บาท ส่วนค่าธรรมเนียมที่เจอได้มากที่สุดคือ $50 หรือประมาณ1,790 บาทค่ะ แต่รายชื่อมหาวิทยาลัยต่อไปนี้ที่จะนำมาให้ดูคือมหาวิทยาลัยที่เก็บค่าธรรมเนียมการสมัครสูงที่สุดในอเมริกามาดูกันว่ามหาวิทยาลัยในฝันของน้องๆ เก็บที่กี่บาท
$75 มหาวิทยาลัยที่เก็บค่าธรรมเนียม $75 หรือประมาณ2,687 บาท ถือว่าเป็นระดับราคาที่แพงเป็นอันดับ4 ในตารางค่ะ จำนวนมหาวิทยาลัยที่เก็บในอัตรานี้มีมากกว่า 30มหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกาเลย แต่พี่จะเลือกมาให้ดูแค่ 10 ที่ที่ดังมากๆ ละกันค่ะ Brown University | California Institute of Technology (CalTech) | Carnegie Mellon University | Cornell University | Harvard University | Massachusetts Institute of Technology (MIT) | Northwestern University | University of Chicago | University of Pennsylvania | Washington University in St. Louis |
มหาวิทยาลัยในไอวีลีกคิดราคานี้เยอะอยู่เหมือนกันทั้งบราวน์คอร์เนลล์ ฮาร์วาร์ด และเพนน์ซิลเวเนีย นอกจากนี้ 2 สถาบันด้านเทคโนโลยีชื่อดังของประเทศอย่างMIT และ CalTech ก็คิดราคานี้เช่นกัน $75จึงเป็นราคายอดฮิตของมหาวิทยาลัยชื่อดัง
$80 แพงขึ้นมาอีก 5 ดอลลาร์กับราคา 2,865บาท มีมหาวิทยาลัยที่คิดค่าธรรมเนียมเท่านี้เพียง6 แห่งค่ะ ได้แก่ Boston University | Dartmouth College | University of North Carolina—Chapel Hill | University of Southern California | Villanova University | Yale University |
ราคานี้มี 2 มหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวีลีกค่ะนั่นคือวิทยาลัยดาร์ธมัธและเยลส่วนมหาวิทยาลัยที่น่าจะไม่คุ้นชื่อที่สุดในกลุ่มนี้ก็คงเป็น VillanovaUniversity แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยระดับท้องถิ่นในรัฐเพนน์ซิลเวเนียแต่วิลลาโนวาก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยท้องถิ่นที่ดีที่สุดในภาคเหนือดังนั้นก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ
$85 สำหรับราคาค่าสมัครเข้าเรียนต่อ $85 หรือประมาณ3,050 บาท มีมหาวิทยาลัยชื่อดังเพียง2 แห่งที่คิดเท่านี้ค่ะ นั่นคือ ColumbiaUniversity ที่เป็นอีกหนึ่งสมาชิกของกลุ่มไอวีลีกและ DukeUniversity มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการและกีฬาแห่งหนึ่งของประเทศ
$90 และมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกาที่เก็บค่าธรรมเนียมการสมัครแพงที่สุดก็คือStanford University ในรัฐแคลิฟอร์เนียค่ะค่าธรรมเนียมของปริญญาตรีว่าแพงแล้วเพราะอยู่ที่ 3,230 บาท แต่ของปริญญาโทแพงกว่าเยอะค่ะ เพราะบางหลักสูตรแพงถึง $275 หรือประมาณ 9,870 บาท เห็นแล้วก็ขอปาดเหงื่อเลย
การขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการสมัคร
เห็นค่าสมัครก็อยากจะถอดใจแล้วอยากจะสมัครหลายที่ แต่สมัครทีนึงก็เสียครั้งละสามพันแน่ะฉะนั้นบางมหาวิทยาลัยก็มีทางออกในเรื่องนี้ให้ค่ะนั่นคือการยกเว้นค่าสมัครเข้าเรียนให้กับนักศึกษาที่ทางครอบครัวจะต้องเดือดร้อนแน่ๆถ้าเสียค่าสมัครเท่านี้ แต่สิ่งที่น้องต้องรู้ก่อนก็คือ
1. ไม่ใช่ทุกมหาวิทยาลัยที่มีการยกเว้นค่าสมัคร
2. บางมหาวิทยาลัยไม่ยกเว้นค่าสมัคร แต่ให้ส่วนลดค่าสมัครแทน
3. บางมหาวิทยาลัยยกเว้นค่าสมัครให้แค่เด็กในประเทศเท่านั้นต่างชาติอด
4. บางมหาวิทยาลัยที่ยกเว้นค่าสมัครให้เด็กต่างชาติต้องการเอกสารหลักฐานและหนังสือรับรองมากมายจนค่าดำเนินการเรื่องทั้งหมดนี้แพงพอๆกับค่าสมัครเรียน
5. เกณฑ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมการสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยแตกต่างกันวิธีการขอยกเว้นก็แตกต่างกัน ให้ตรวจสอบจากหัวข้อ Fee Waivers ของเว็บไซต์แต่ละมหาวิทยาลัยเองค่ะ
แต่มหาวิทยาลัยที่พี่พิซซ่าคิดว่าใจดีในเรื่องนี้ก็คือHarvard และYale ค่ะของฮาร์วาร์ดน้องๆ สามารถเขียนเรียงความอธิบายมาเองได้เลยว่าทำไมจึงควรได้รับการยกเว้นนี้หรือจะขอแบบฟอร์มจากฝ่ายรับสมัครนักศึกษามาให้อาจารย์ที่โรงเรียนกรอกข้อมูลและยืนยันว่าน้องต้องได้รับการยกเว้นนี้จริงๆก็ได้ ส่วนของเยลก็คล้ายๆ กันคือให้ขอแบบฟอร์มจากทางมหาวิทยาลัยเอาไปให้อาจารย์หรือนายอำเภอรับรองให้โดยที่ไม่ต้องส่งหลักฐานทางการเงินของผู้ปกครองหรือหลักฐานด้านการเงินอื่นๆประกอบค่ะ ตัวอย่างเกณฑ์การเป็นผู้ได้รับการยกเว้นค่าสมัครของเยลคือ
ครอบครัวขนาด 1-2 คนต้องมีรายได้รวมต่อปีไม่เกิน $65,000 (2,332,000 บาท)
ครอบครัวขนาด 3 คนต้องมีรายได้รวมต่อปีไม่เกิน $70,000 (2,511,000 บาท)
ครอบครัวขนาด 4 คนต้องมีรายได้รวมต่อปีไม่เกิน $75,000 (2,690,000 บาท)
ครอบครัวขนาด 5 คนต้องมีรายได้รวมต่อปีไม่เกิน $80,000 (2,870,000 บาท)
ครอบครัวขนาด 6 คนขึ้นไปต้องมีรายได้รวมต่อปีไม่เกิน $85,000 (3,049,000 บาท)
แม้ว่าเกณฑ์นี้จะคำนวณจากค่าครองชีพในอเมริกาแต่เยลยืนยันว่านักศึกษาจากประเทศอื่นก็ให้ใช้เกณฑ์เดียวกันนี้ได้เลยค่ะ
ถ้าใครมองว่าของฮาร์วาร์ดกับเยลก็ถือว่ายากอยู่ดีเพราะต้องเอาเอกสารไปให้คนอื่นรับรองให้แต่ของบางที่ต้องใช้ทั้งหนังสือรับรองจากทางราชการรวมทั้งหนังสือรับรองเงินเดือนผู้ปกครองและหลักฐานการเสียภาษีเสร็จแล้วต้องเอาแต่ละอย่างไปแปลอีก ยุ่งยากแถมต้องใช้เงินพอๆ กับค่าสมัครเลย
**ใครตาดีจะสังเกตเห็นว่าชื่อมหาวิทยาลัยไอวีลีกหายไป1 แห่งจากลิสต์ค่าสมัครสุดแพงนี้นั่นคือ PrincetonUniversity ค่ะพรินซ์ตันคิดค่าธรรมเนียมการสมัครเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีเพียง $65 หรือประมาณ 2,330 บาท ทำให้ไม่มีรายชื่อติดโผมาด้วย
หากน้องๆสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าสมัครหรือการยกเว้นค่าสมัครสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ของแต่ละมหาวิทยาลัยที่เราสนใจเลยค่ะหรือจะส่งอีเมลสอบถามไปทางฝ่ายรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยก็ได้เจ้าหน้าที่เต็มใจตอบข้อสงสัยให้เราอยู่แล้ว
*ข้อมูล ณวันที่ 1 ธันวาคม 2558
ขอบคุณที่มา http://www.dek-d.com/studyabroad/39291/
|