แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ice999 เมื่อ 2016-1-8 12:50
anagramscramble.com/word/excite
แต่ละศัพท์ที่นำมาให้เป็นคำสแลงจากเว็บไซต์urbandictionary.com ค่ะซึ่งไม่ใช้พจนานุกรมของจริงที่เขียนส่งครูได้ฉะนั้นศัพท์พวกนี้จะใช้ได้แค่เวลาพูดคุยกับเพื่อนหรือเวลาอัพสเตตัสในเฟซบุ๊คส่วนตัวเท่านั้นนะคะพยายามอย่าใช้กับคนไม่สนิทหรือคนอาวุโสมากกว่าค่ะ และห้ามใช้ในการเรียนด้วย
a crapella คำนี้มาจาก crap ที่แปลว่าของเสียสิ่งที่ไร้ประโยชน์ หรือไร้สาระ รวมกับ a cappella การร้องเพลงแบบไม่มีดนตรีประกอบเมื่อนำมารวมกันจึงมีความหมายว่าการร้องเพลงเสียงดังโดยใส่หูฟังไว้ฟังดนตรีคนเดียวแต่คนรอบข้างต้องทนฟังเสียงที่คนนั้นร้องออกมา(โดยมากจะเป็นการรำคาญและบอกเป็นนัยว่าไม่ได้ร้องเพราะอะไรเลย) เช่น
I wish that guy would turn his iPod off - his a crapella version of Bad Blood is killing me. ฉันหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะปิดไอพ็อดซะทีเพลงแบดบลัดเวอร์ชั่นคนนี้จะฆ่าฉันให้ตายอยู่แล้ว
askhole คำนี้มาจาก ask ที่แปลว่าถามและ assholeที่เป็นคำด่าผู้อื่น (ด่าได้ตั้งแต่คนโง่ยันคนเลว)เมื่อรวมกันจึงหมายถึงคนที่ชอบถามคำถามโง่ๆ ที่ไร้สาระอยู่เสมอๆถามอะไรก็ไม่รู้จนคนอื่นรำคาญหมดแล้วหรือไม่ก็ถามอะไรที่เราตอบแล้วแต่ดันไม่ทำตามที่เราตอบจนเราไม่เข้าใจว่าจะถามทำไมเช่น
He is such a total askhole!! He won't stop asking me about my favoriteteletubby. เขาช่างเป็นพวกถามได้น่ารำคาญมากเลยเอาแต่ถามอยู่ได้ว่าเทเลทับบี้ตัวโปรดของฉันคือตัวไหน
bedgasm คำนี้มาจาก bed เตียงและ orgasm จุดสุดยอด เมื่อรวมกันจึงกลายเป็นความรู้สึกฟินราวกับได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดเมื่อได้คลานขึ้นเตียงนอนหลังเหนื่อยมาทั้งวันจะเป็นเหนื่อยจากทำงาน เรียน ทำกิจกรรม ไปเที่ยว หรือเดินทางมาทั้งวันก็ได้ค่ะแล้วพอถึงเตียงก็เป็นความรู้สึกที่สุดยอดมากจริงๆ เช่น
It was a five hour drive in the middle of the night. When I got home, I need abedgasm. ขับรถมาทั้งคืนตั้ง5 ชั่วโมง พอถึงบ้านฉันจะคลานขึ้นเตียงนอนให้ฟินไปเลย
blamestorming คำนี้มาจาก blame ที่หมายถึงตำหนิ ว่ากล่าวหรือกล่าวโทษ กับ brainstorming ที่เป็นการระดมสมองระดมความคิดเมื่อรวมกันแล้วจึงกลายเป็นการรวมหัวกันหาตัวคนผิดไม่ว่าคนนั้นจะผิดจริงหรือจะเป็นแพะรับบาปแทนทุกคนก็ตาม เช่น
About the server failure last week, time for some blamestorming. เรื่องระบบล่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้เวลาที่ต้องหาคนมาลงโทษแล้วแหละ
carcolepsy คำนี้มาจาก car รถยนต์รวมกับ narcolepsyโรคที่ไม่สามารถควบคุมการนอนหลับได้ผู้ป่วยมักจะรู้สึกง่วงจนหลับไปเลยอย่างกระทันหันได้ตลอดเวลา ทำให้หมายถึงคนที่ขึ้นรถปุ๊บหลับปั๊บบางทีคนขับแค่สตาร์ทแต่เพื่อนร่วมทริปก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว เช่น
He slept the whole way here, I think he suffers from carcolepsy. เขาหลับมาตลอดทางมาที่นี่เลยฉันว่าเขาต้องเป็นโรคขึ้นรถปุ๊บหลับปั๊บแน่ๆ
dudevorce คำนี้มาจาก dude ผู้ชายคำเรียกเพื่อนผู้ชายที่ผู้ชายมักเรียกกัน และ divorce การหย่าจึงกลายเป็นการเลิกเป็นเพื่อนกันระหว่างเพื่อนผู้ชายส่วนมากมักมีปัญหามาจากผู้หญิงคนเดียวกัน เช่น
Tommy and Brad got a dudevorce over Karen. ทอมมี่และแบรดเลิกเป็นเพื่อนกันเพราะเรื่องคาเรน
earjack คำนี้มาจาก ear หูและ hijack ปล้นหรือยึดพาหนะให้อยู่ในความควบคุมของตัวเองเมื่อรวมกันจึงเกิดเป็นคำที่หมายถึงการแอบฟังบทสนทนาที่ไม่ควรได้ยินจะเป็นบังเอิญได้ยินหรือจงใจแอบฟังก็ได้ เช่น
I was earjacking in on my mom's conversation to hear what I was going to get for Christmas. ฉันแอบฟังแม่คุยเพื่อที่จะได้รู้ว่าฉันจะได้อะไรในวันคริสต์มาส
fauxpology คำนี้มาจาก faux ที่หมายถึงของปลอม ของเก๊ กับapology ที่หมายถึงการขอโทษ จึงกลายเป็นการแกล้งขอโทษหรือพูดขอโทษไปงั้นๆ แต่จริงๆ ไม่ได้รู้สึกอยากขอโทษด้วยหรอก เช่น
He was just going to offer another fauxpology. He would do it again. เขาก็แค่จะขอโทษส่งๆ ไปอีกครั้งหนึ่งแต่เขาจะทำมันอีกอยู่ดี
hiberdating คำนี้มาจาก hibernate ที่แปลว่าจำศีลหรืออยู่อย่างสันโดษกับคำว่า dating ที่หมายถึงการเดทเมื่อรวมกันจึงแปลว่าการเดทอยู่กับแฟนโดยไม่สนใจเพื่อนฝูงเลยเรียกได้ว่าตัดขาดจากโลกภายนอก ทำตัวเหมือนมีกันแค่สองคนบนโลก เพื่อนๆจึงรู้สึกว่าติดแฟนมากจนน่ารำคาญ เช่น
I haven't seen or heard from Jenny since she started hiberdating Tony four months ago. ฉันไม่ได้เจอหรือได้ข่าวอะไรจากเจนนี่เลยนับตั้งแต่เธอเดทจนตัวติดกันกับโทนี่ตั้งแต่4 เดือนที่แล้ว
masturdating คำนี้มาคล้ายๆ คำเมื่อกี้ค่ะ แต่คำแรกเป็นคำว่า masturbate ที่หมายถึงการช่วยตัวเองเมื่อรวมกับการเดทจึงหมายถึงการออกไปเที่ยวดูหนังฟังเพลงกินข้าวด้วยตัวคนเดียวเช่น
Masturdating involves going to a restaurant alone, sitting at a table alone, and enjoying ameal alone. การไปเดทตัวคนเดียวคือการไปร้านอาหารคนเดียวนั่งที่โต๊ะคนเดียว และเพลิดเพลินกับมื้ออาหารคนเดียว
nonversation คำนี้มาจาก non ที่หมายถึงไม่ เป็นคำปฏิเสธและ conversation การสนทนาจึงกลายเป็นบทสนทนาที่ไม่มีประโยชน์ พูดคุยเรื่องไร้สาระเล็กๆ น้อยๆไม่ได้คุยอะไรจริงจัง นอกจากนี้ยังหมายถึงบทสนทนาที่ถามคำตอบคำเหมือนไม่ได้อยากคุยกันด้วย เช่น
Everytime I talk to him, it's like a complete nonversation. ทุกครั้งที่ฉันคุยกับเขามันเป็นการคุยที่ไม่เกิดประโยชน์เลยซักนิด
textpectation คำนี้มากจาก texting การส่งข้อความและ expectationความคาดหวังรวมกันเป็นการรอคอยอย่างคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะส่งข้อความตอบกลับมา จะเป็น smsแชทเฟซบุ๊ค หรือไลน์ก็ได้หมด เช่น
I just texted her for a date – but now the textpectation is killing me. ฉันเพิ่งส่งข้อความชวนเธอไปเดทส่วนตอนนี้ความรู้สึกที่ต้องรอคอยคำตอบของเธอจะฆ่าฉันอยู่แล้ว
typeractive คำนี้มาจาก type พิมพ์ และ hyperactiveความกระตือรือร้นที่มากเกินไป แอคทีฟเกินเหตุจึงกลายเป็นการพูดถึงคนที่ดูคุยเก่งมากเวลาพิมพ์คุยกันแต่อาจจะเป็นคนพูดเก่งในชีวิตจริงหรือไม่ก็ได้ เช่น
He is so typeractive. He's been text massageing me every minute. เขาพิมพ์คุยเก่งมากเลยเขาส่งข้อความมาหาฉันทุกนาทีเลยเนี่ย
unlightening คำนี้เป็นการสร้างคำตรงข้ามให้กับ enlightening การทำให้มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น เมื่อใส่ un ลงไปจึงหมายถึงการเรียนรู้ที่พอรู้แล้วทำให้ตัวเองรู้สึกโง่ลงนี่เรารู้ไปทำไม รู้แล้วไม่เกิดประโยชน์เลย รกสมองเปล่าๆ เช่น
The conversation I had with him was so unlightening. บทสนทนาระหว่างฉันกับเขาช่างไร้ประโยชน์มากเลยคุยด้วยแล้วรู้สึกโง่ลง
youniverse คำนี้มาจาก you ที่หมายถึงเธอหรือคุณ และ universeจักรวาล รวมกันเป็นจักรวาลที่มีตัวเธอเป็นศูนย์กลางเป็นคำในเชิงลบว่าคนนั้นไม่สนใจใครอื่นเลย ไม่มีความรู้รอบอะไรเลยด้วยรู้แต่เรื่องตัวเอง คุยแต่เรื่องตัวเอง และคิดว่าทุกอย่างหมุนรอบตัวเอง เช่น
If you moved outside of your youniverse for five seconds you'd understand them. ถ้าเธอออกจากจักรวาลตัวเองซัก5 วินาทีได้เธอก็จะเข้าใจพวกเขา
ย้ำอีกทีว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่คำที่สามารถใช้ได้โดยทั่วไปนะคะเป็นแค่สแลงสมัยนี้ที่อีกเดี๋ยวก็คงเลิกใช้กันแล้วเจ้าของภาษาเองก็อาจไม่รู้จักความหมายของทุกคำในนี้ก็ได้และบางคำก็อาจมีหลายความหมายมากกว่านี้ขึ้นกับว่ากลุ่มไหนบัญญัติขึ้นมาถ้าจะนำไปใช้ก็ต้องระมัดระวังให้ดีค่ะ ดูกาลเทศะที่จะใช้ด้วย จะได้ไม่เหวอค่ะ
ใครจะลองนำมาแต่งประโยชน์ให้เพื่อนๆดูก็ได้นะคะ เสนอไอเดียหรือสถานการณ์การใช้ที่หลากหลายได้ข้างล่างนี้เลย เพื่อนๆรอแลกเปลี่ยนความรู้อยู่ค่ะ
ขอบคุณที่มา http://www.dek-d.com/studyabroad/39628/
|