KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 5308|ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เทคนิคทำข้อสอบ Reading ให้ได้คะแนนดี

[คัดลอกลิงก์]

1188

กระทู้

4

ติดตาม

6160

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8




article_12100154233227.jpg




1. ฝึกทำข้อสอบReading เยอะๆ
    ความสำเร็จต่างๆ ล้วนมาจากความพยายามและขยันหมั่นเพียรค่ะถ้าไม่ทำเลยก็จะไม่ได้คะแนนอย่างที่หวัง ฉะนั้นหนทางสู่การได้คะแนนพาร์ท Readingเยอะๆ ก็คือต้องทำแบบฝึกหัดเยอะๆ ค่ะจริงอยู่ที่การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเป็นประจำช่วยให้เราอ่านข้อสอบภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้นแต่การทำข้อสอบต่างจากการอ่านนิยายนะคะ เวลาอ่านนิยายเราอ่านบทน่าเบื่อแบบผ่านๆได้ หรือมองข้ามท่อนบรรยายสถานที่ไปบ้าง อ่านแบบเอาสนุกลุ้นระทึกตามตัวละครแต่เวลาทำข้อสอบ Reading เราต้องอ่านแบบทำความเข้าใจว่าย่อหน้านี้พูดเรื่องอะไรข้อมูลสำคัญคืออะไร ตัวอย่างมีอะไรบ้าง คำนี้ตรงนี้หมายถึงอะไรเพราะข้อสอบสามารถถามได้ทุกจุด ดังนั้นจึงควรฝึกทำแบบฝึกหัดจากข้อสอบเก่าด้วยค่ะ

2. หาให้ได้ว่าเราถนัดอ่านบทความหรืออ่านคำถามก่อน
    หลายคนแนะนำว่าให้อ่านคำถามก่อนแล้วค่อยมาดูบทความจะได้หาคำตอบเจอได้รวดเร็วและรู้เรื่องคร่าวๆ แล้วว่าบทความน่าจะพูดถึงอะไรวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีค่ะ ดีสำหรับตัวพี่เองด้วย แต่ไม่ใช่วิธีที่ดีสำหรับทุกคนเพื่อนพี่หลายคนทำวิธีนี้แล้วไม่เวิร์ก กลายเป็นว่าเสียเวลาอ่านมากขึ้นกว่าเดิมอีกฉะนั้นตอนฝึกทำข้อสอบ Reading น้องต้องลองหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองนะคะว่าทำแบบไหนเร็วกว่ากันจะอ่านโจทย์ก่อนอ่านบทความ อ่านบทความก่อนอ่านโจทย์ หรือจะ skimming ก่อนอ่านโจทย์แล้วค่อยกลับมา scanning อีกทีทดลองไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วเวลาสอบจริงก็ใช้วิธีของเรานี่แหละในการทำ



3. ฝึกแบบแข่งขันกับเวลา
    ถ้าฝึกแบบทำไปเรื่อยๆ เราก็จะไม่ได้ท้าทายตัวเองและไม่ได้เตรียมตัวไปรับมือกับการสอบ ฉะนั้นตอนฝึกต้องจับเวลาเท่าของจริงด้วยนะคะถ้าข้อสอบที่เราจะไปสอบให้เวลา 1 ชั่วโมงในการทำโดยมีบทความให้อ่าน5 เรื่อง มีโจทย์ทั้งหมด 40 ข้อเราก็ต้องหาแบบฝึกหัดมาให้ได้จำนวนเท่านั้นและจับเวลา 1 ชั่วโมงเท่ากันค่ะจะได้ฝึกบริหารเวลาไปในตัว รู้ว่าตอนไหนควรข้ามข้อยากไปก่อนแล้วค่อยกลับมาหรือจะฝึกทำแบบให้มีเวลาเหลือเพื่อตรวจทานอีกทีก็ได้ บางคนอาจจะแบ่งเลยว่าใน 1ชั่วโมงนั้น ต้องทำบทความ 3 เรื่องแรกที่สั้นๆง่ายๆ บทความละ 9 นาที ส่วนอีก 2 บทความที่ยาวและมีคำถามเยอะกว่าจะใช้เวลาบทความละ14 นาที ส่วนที่เหลืออีก 5 นาทีเอาไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด

4. ไวยากรณ์อย่าทิ้ง
    จริงอยู่ที่เราไม่ต้องแต่งประโยคในการตอบ Reading แต่ไวยากรณ์ก็มีส่วนช่วยให้เราทำข้อสอบ Reading ได้ค่ะเกิดเจอโจทย์ถามว่าคำที่ขีดเส้นใต้ในบทความมีความหมายเหมือนคำว่าอะไรถ้าเราไม่รู้คำแปลแต่ดูไวยากรณ์แล้วรู้ว่าตำแหน่งตรงนั้นเป็น ADJ ที่ใช้ขยายคนอยู่ เราก็อาจตัดช้อยส์ได้แล้วหรือเราแปลศัพท์ในประโยคนึงไม่ออกหลายคำมากเลย แต่รู้ว่าประโยคนี้มีเทนส์ PastSimple กับ Past Perfect อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้ว่าPast Perfect ต้องเกิดก่อนและช่วยให้เราเข้าใจลำดับของเรื่องได้ดีขึ้น



5. คำศัพท์ก็อย่าทิ้งเช่นกัน(แต่ไม่ต้องรู้ทุกคำบนโลก)
    ถึงตรงนี้้น้องคงเริ่มรู้สึกแล้วว่าตกลงพี่จะต้องให้หนูเก่งครบทุกด้านใช่มั้ยถึงจะทำข้อสอบReading ได้คะแนนดีอันที่จริงมันก็ถูกนะคะเพราะถ้าเก่งทุกด้านยังไงก็ต้องทำคะแนนได้สูงแน่ๆ 555ไม่ใช่ค่ะ พี่จะแนะนำว่าศัพท์เป็นสิ่งที่ไม่ควรทิ้งก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าน้องต้องกินพจนานุกรมเข้าไปถึงจะทำได้คำศัพท์ในภาษาอังกฤษมีเยอะมากกกกกกกกก ข้อสอบจะเลือกคำไหนในโลกมาก็ได้เราไม่มีทางท่องได้ครบทุกคำแน่ๆ เจ้าของภาษาเองยังไม่รู้จักทุกคำในภาษาตัวเองเลยดังนั้นน้องต้องหาศัพท์ที่ควรรู้สำหรับข้อสอบของน้องค่ะ จะหาจากหนังสือหรือเว็บไซต์ติวข้อสอบก็ได้มักจะมาเป็น "500 ศัพท์ควรรู้ในการสอบ IELTS"ประมาณนี้
     นอกจากศัพท์ที่ควรรู้แล้วอีกเรื่องที่ควรรู้คือพวก
รากศัพท์ prefix และ suffix ต่างๆ ค่ะถ้าไม่อยากท่องศัพท์แบบหว่านแห หรือเวลาเตรียมตัวสอบเหลือน้อยแล้วการเจาะเฉพาะศัพท์ที่ควรรู้สำหรับการสอบนั้นๆ และจำพวกรากศัพท์ไปจะช่วยให้น้องรับมือกับศัพท์ในบทความได้เยอะเลย (แต่ถ้ามีเวลาว่างเยอะจะอ่านเยอะกว่านี้ก็ได้นะคะ)



6. ใช้ดินสอหรือปากกาชี้ขณะอ่านไปด้วย
    เวลาอ่านนิยายเราสามารถอ่านได้สบายๆโดยไม่ต้องลากนิ้วตามทีละคำเพราะมันไม่ต้องใช้ความพยายามเยอะแต่เวลาทำข้อสอบนั้นเราต้องการสมาธิขั้นสุดฉะนั้นการอ่านโดยลากนิ้วไปด้วยจะทำให้เราไม่หลุดจากสิ่งที่อ่านอยู่ค่ะและช่วยลดการวนอ่านบรรทัดเดิม 10 รอบโดยไม่เข้าใจลงไปด้วยถ้าข้อสอบบอกว่าให้ขีดเขียนในกระดาษคำถามได้ก็ให้ใช้ดินสอหรือปากกาชี้ตามบรรทัดที่อ่านแทนนิ้วมือเพื่อที่พอเจอจุดที่ต้องขีดต้องวงจะได้ทำได้เลยโดยไม่ต้องยกแขนออกมาจับปากกาอีกครั้งค่ะ(จะเป็นดินสอหรือปากกานั้นขึ้นอยู่กับว่าต้องใช้อะไรในกระดาษคำตอบ ถ้าฝนก็ดินสอถ้ากาก็ปากกา เลือกใช้ชิ้นนั้นในการขีดบทความเลย)วิธีนี้พี่ลองกับตัวและคิดว่าได้ผลสำหรับพี่ค่ะ เพราะพี่เป็นคนเบื่อง่าย ถ้าอ่านๆไปแล้วเริ่มเบื่อพี่ก็จะกวาดตาอ่านอยู่บรรทัดเดิมซ้ำๆ โดยไม่มีอะไรเข้าหัวเลยแต่พอเลื่อนดินสอตามไปด้วยแล้วมันทำให้พี่มีสมาธิกับแต่ละคำได้มากขึ้นแถมขีดคีย์เวิร์ดได้เลยด้วย

7. เวลาข้ามข้อไหนไปให้ทดไว้ด้วยว่าลังเลช้อยส์ไหน
    เวลาเจอข้อที่ลังเลระหว่าง 2 ช้อยส์แล้วอยากข้ามไปทำข้ออื่นก่อนให้เอาดินสอวงช้อยส์ที่เราลังเลไว้บางๆ ด้วยถ้ามั่นใจช้อยส์ไหนมากกว่าอีกอันก็ติ๊กไว้ 2 เส้น เผื่อสุดท้ายเราไม่เหลือเวลากลับมาคิดข้อนี้ใหม่แบบละเอียดๆหรือกลับมาอ่านบทความนี้ใหม่แต่แรกไม่ทันเราจะได้เลือกข้อที่ลังเลนั่นแหละไปเลยซักข้อนึง ถ้าไม่ติ๊กไว้แล้วล่ะก็พอวนกลับมาใหม่ก็อาจลืมแล้วว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่



8. ฝึกสมาธิให้ดี
    เวลาสอบจริงเราอาจรู้สึกกดดันจนรวบรวมสมาธิไม่ได้ดังนั้นการฝึกสมาธิมาก่อนจะช่วยให้เรารับมือกับสถานการณ์นี้ได้ดีขึ้นค่ะถ้ารู้สึกว่าการฝึกนั่งสมาธิจริงจังมันยากเกินไปเอาแค่ฝึกระเบียบความคิดให้คิดถึงแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็พอค่ะ ตัดทุกอย่างให้หมดอย่าไปพะวงว่าเพื่อนกดไลค์รึยัง แฟนไลน์มาแล้วรึเปล่า หรือว่าเดี๋ยวจะกินอะไรดีนอกจากนี้ในวันสอบจริงอาจเจอการรบกวนจากสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้เช่นคนข้างๆเท้าเหม็นมาก หรือคนข้างหน้าเคาะปากกาตลอดเวลาในการทำข้อสอบฉะนั้นเราอาจต้องฝึกทำข้อสอบในห้องที่ไม่เงียบสนิทด้วย

9. อย่ายึดติดกับสิ่งที่ไม่รู้ในข้อสอบ
    ไม่รู้ก็คือไม่รู้ค่ะอย่าย่ำอยู่กับตรงนั้นเพราะเราจะเสียเวลาไปเยอะเลยไม่ว่าจะในตัวบทความหรือในส่วนของข้อสอบถ้าแปลไม่ออกก็อย่าพาลรู้สึกไปว่าเราต้องไม่รู้เรื่องทั้งบทความแน่ๆให้มองข้ามมันไปแล้วมองหาสิ่งที่เรารู้ เอาทุกอย่างที่เรารู้มาพยายามโยงเข้าหากันให้เป็นเรื่องตอนสอบ TOEFL พี่ก็แปลไม่ออกหลายคำเหมือนกันเรียกได้ว่าไม่มีบทความไหนในข้อสอบเลยที่พี่แปลออกหมดทุกคำแต่ส่วนที่รู้ก็ทำให้รู้เรื่องได้แล้วว่าบทความนี้พูดถึงอะไร ผู้เขียนต้องการอะไรและมีอารมณ์ไปในโทนไหน แถมสิ่งที่รู้ยังช่วยให้เดาได้ด้วยว่าคำที่ไม่รู้น่าจะมีความหมายบวกหรือลบประมาณไหนฉะนั้นอย่าไปรู้สึกว่าตัวเองโง่จังแปลไม่ออกเลยเพราะมันต้องมีบ้างแหละที่เรารู้เรื่องน่ะ



10. ฝึกเดาความหมายศัพท์
    โดยส่วนตัวพี่เป็นคนท่องศัพท์ไม่ได้ ถ้าศัพท์ไหนพยายามท่องพี่จะลืมตลอดเวลาและต้องเปิดพจนานุกรมทุกครั้งที่เจอคำนั้น และพี่ก็คิดว่าหลายคนน่าจะเป็นเหมือนกัน555 พี่เลยอยากแนะนำการจำศัพท์โดยการเดาศัพท์ค่ะนั่นก็คือเวลาฝึกทำข้อสอบที่บ้านอย่าเปิดพจนานุกรมดูคำแปลของทุกคำที่ไม่รู้แต่ให้ลองเดาความหมายคำนั้นจากบริบทรอบๆ ค่ะสุดท้ายแล้วเราอาจไม่ได้รู้คำภาษาไทยเป๊ะๆ ของคำนั้นแต่เราจะรู้จักคำนั้นแบบเป็นภาษาอังกฤษแทนไปเลยรู้ว่ามันมีความหมายประมาณไหนและสื่ออะไร แต่ถ้าสุดท้ายแล้วไม่มั่นใจจริงๆค่อยเปิดพจนานุกรมเช็คอีกทีค่ะ มาลองดูการเดากัน
  
  
      Bodies with like electrical charges repel each other, and those with  unlike charges attract each other. (ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น  2554)
       1. replicate      2. repulse       3. repay      4. restore
  

     แปลแบบไม่ต้องรู้ทุกคำก็จะได้ว่า
อะไรที่มี charges เหมือนกัน (like)มัน repel กันและกัน ส่วนอันที่ chargesไม่เหมือนกัน (unlike) มัน attract ซึ่งกันและกัน
     แสดงว่า repel กับ attractต้องตรงข้ามกันเหมือน like กับ unlike แต่เรารู้แล้วว่า attract มันเป็นญาติกับ attractive,attraction เป็นอะไรที่มีเสน่ห์น่าสนใจน่าดึงดูดเลยทำให้เดาว่า attractคือดึงดูด ฉะนั้นคำตรงข้ามก็ต้องเป็นไม่ดูดกันหรือผลักกันนั่นเองทีนี้ก็มาเดาศัพท์ในช้อยส์
     1.
replicate ต้องเป็นญาติกับ duplicate(ทำซ้ำ) แล้วก็ replica (แบบจำลอง)
     2.
repulse คำนี้ไม่รู้จักเลย
     3.
repay re แปลว่า back/again ส่วน pay คือจ่าย น่าจะแปลว่าจ่ายเงินคืน
     4.
restore ซ่อมแซมฟื้นฟู คำนี้รู้จักเจอในเกมบ่อย
     ด้วยการเดาศัพท์ในช้อยส์ 1, 3 และ 4 ออก และรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความหมายตรงข้ามของ attractเลยซักคำ ทำให้ควรเลือกช้อยส์ 2 ที่แปลไม่ออก(และข้อนี้ตอบ 2 ถูกค่า แปลว่าขับไล่) จะเห็นว่า
สุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดีว่า repel กับ repulse แปลว่าอะไรกันแน่ แต่ก็ได้คะแนนไปแล้ว



ขอบคุณที่มา http://www.dek-d.com/studyabroad/39379/
รับให้คำปรึกษาและช่วยดำเนินการเรื่องการทำวีซ่านักเรียน (อเมริกา)
โพสต์ได้ถูกลบไปแล้ว
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-11-29 05:53 , Processed in 0.039219 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน