KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 6559|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ศัพท์ Slang เจ๋งๆจากเพลงภาษาอังกฤษ

[คัดลอกลิงก์]

1188

กระทู้

4

ติดตาม

6160

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8



beach-slang-by-jessica-flynn-36_wide-ac488893f27930e38967c32ab4bc5976f71437b6.jpg



   เชื่อว่าใครๆหลายคนชอบฟัง”เพลงภาษาอังกฤษ” อาจเป็นเพราะเนื้อร้องที่ไพเราะ ทำนองโดนใจก็แล้วแต่ แต่เคยไหม ที่ฟังคำบางคำแล้วไม่เข้าใจ เปิดหาความหมายใน dictionary ก็ไม่ค่อยจะเจอ
   คำเหล่านี้เรียกว่าคำ “Slang” หรือภาษาไทยใช้ทับศัพท์ว่า สแลง (คนละอย่างกับ แสลง อ่านว่า สะ-แหลง ซึ่งใช้กับอาหาร) คำ Slang ก็คือคำหรือสำนวนที่ใช้พูดเข้าใจกันเฉพาะกลุ่มในชั่วระยะเวลาหนึ่ง เป็นคำศัพท์ที่ไม่เป็นทางการ อาจจะเกิดจากการสร้างศัพท์หรือสำนวนใหม่โดยการ เปลี่ยนคำ เปลี่ยนความหมาย อาจใช้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แล้วก็หายไป แต่บางครั้งอาจฮ็อตฮิตจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของภาษาพูดเลยก็ได้นะคะ


ลองไปดูกันค่ะว่ามีเพลงสากลเพลงไหนบ้างที่มีการใช้ศัพท์ Slang แล้วคำๆนั้นมีความหมายว่าอย่างไรกันบ้าง

1. Bling Bling

คำว่า Bling Bling ที่ได้ยินกันบ่อยๆนั้น  เป็นคำ Slang หมายถึงเครื่องประดับที่ทอแสงประกายวิบวับ อาจรวมไปถึง Lifestyle ที่ดูหรูหราฟุ่มเฟือย ตัวอย่างการใช้ เช่น

Each woman wants bling bling. (ผู้หญิงแต่ละคนก็อยากได้เครื่องเพชรวิบๆวับๆกันทั้งนั้น)

คำๆนี้เจอได้ทั้งในชีวิตประจำวันโดยทั่วไป และในบทเพลง อย่างในเพลง Price Tag ของ Jessie J  ในท่อนที่ร้องว่า  Ain’t about the (yeah) Ba-Bling Ba-Bling. We just wanna make the world dance.
แปลว่า….นี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆหรอกนะ  เราแค่ต้องการให้ทั้งโลกเต้นรำไปด้วยกันก็เท่านั้น
ลองไปฟังเพลงนี้กันได้ที่   https://www.youtube.com/watch?v=qMxX-QOV9tI

2. Boo, Shawty

ทั้ง 2 คำนี้ หมายถึง คนรัก, แฟน  ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง
Boo ที่แปลว่า ที่รัก รากศัพท์คือ Beau ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า แฟน ส่วนคำว่า Shawty มาจากคำว่า “Shorty” เป็นการอ่านออกเสียงไม่ชัดไม่อ่านออกเสียงตัว r เพราะมาจากการออกเสียงแสลงของคนใต้ในอเมริกา  ซึ่งเอามาเรียกคนรักได้เช่นเดียวกับคำว่า Boo, Babe, Baby ที่แปลว่าที่รักนั่นเองค่ะ ถ้าแปลตรงตัวจะได้ประมาณว่า “ไอ้ตัวเล็ก” (Short = เตี้ย) จึงมักเป็นคำที่ผู้ชายใช้เรียกผู้หญิง เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีส่วนสูงน้อยกว่าผู้ชาย การเรียกว่า Shawty จึงคล้ายๆกับคำว่า “สาวน้อย” หรือ “ตัวเล็ก” ของบ้านเรานั่นเอง ส่วนมากจะเจอในเพลงแนว Hip-hop เช่นเพลงเก่าๆของ Chris Brown ที่ชื่อว่า With You คาดว่าหลายคนคงเคยได้ยินเพลงนี้จนฮิตติดหูกันไม่น้อย แค่ขึ้นต้นเพลงก็มีคำว่า Boo ให้ได้ยินกันแล้ว ลองไปดูเนื้อเพลงท่อนนี้กัน

I need you boo, (oh)  I gotta see you boo (hey)  (ฉันต้องการเธอนะที่รัก  ฉันอยากเจอเธอจัง)
และในกลางเพลงก็มีคำว่า Shawty อยู่ด้วย
Hey! Little shawty, Say you care for me, (นี่แม่สาวน้อย พูดสิว่าเธอก็ห่วงฉัน)

ลองไปฟังเพลงนี้แบบเต็มๆกันได้ที่  https://www.youtube.com/watch?v=qgSyf3lKHkA

3. Ain’t

คำนี้เดิมทีเป็นคำสแลงของ am not เพียงตัวเดียว แต่ต่อมาก็เริ่มใช้แทน is not, are not, do not or does not…   สรุปคือ ทุกคำที่แปลว่า “ไม่” “ไม่ใช่” “ไม่ได้” สามารถใช้ Ain’t แทนได้หมด แต่คำนี้ไม่แนะนำให้ใช้พูดหรือเขียนแบบเป็นทางการ แต่สามารถใช้แบบไม่เป็นทางการได้ เพราะถือว่าเป็นคำที่ผิดหลักไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษนั่นเอง ต่อไปนี้คือตัวอย่างการใช้ Ain’t ในประโยคต่างๆ

– I aint’ got no money. ฉันไม่มีตังค์ (ในประโยคนี้ ain’t = have not)

– He ain’t wrong. เขาไม่ผิด (ในประโยคนี้ ain’t = is not)

ตัวอย่างเพลงที่ใช้คำว่า Ain’t ที่ได้ยินกันบ่อยๆก็คือ…  เพลง If I Ain’t Got You ของ Alicia Keys
(ชื่อเพลงแปลว่า “ถ้าฉันไม่มีเธอ”)  ลองไปฟังกันได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=SjKrpxjp7ao

4. Leggo

คำนี้มาจากคำว่า “let’s go” ที่แปลว่า “ไปกันเถอะ”  มีที่มาจากเพลงแร็พที่ดังมากของ Chris Brown ชื่อเพลง Look At Me Now ที่เริ่มเพลงด้วยคำว่า “Leggo” จนกลายเป็นสแลงดังอยู่พักใหญ่ในปี 2012 แต่ถ้าในปี 2016 นี้จะนำมาใช้ก็ดูจะเชยไปหน่อย เปรียบได้กับคำว่า “จ๊าบ” ของบ้านเรา ที่เคยฮิตมาก่อน แต่ถ้ามาพูดในสมัยนี้ก็คงจะดูตลกไม่น้อยเลย แนะนำให้จำไว้ประดับความรู้นะคะ แต่ไม่ควรนำไปใช้เพราะจะดูเชยระเบิดเลยล่ะ

มาลองฟังเพลง Look At Me Now ของ ที่เป็นที่มาของเจ้าวลีนี้กัน https://www.youtube.com/watch?v=8gyLR4NfMiI

5. Nigga

คำนี้มาจากคำว่า Nigga, Nigger หรือ Negro ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกคน African-American หรือคนผิวสี แต่คำนี้ห้ามใช้พูดกับคนผิวสีอย่างเด็ดขาด เพราะถือเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพ ส่อถึงการเหยียดสีผิวเป็นอย่างมาก คนผิวสีสามารถใช้เรียกกันเองได้ แต่ถ้าไม่ใช่คนผิวสีแนะนำว่าห้ามใช้อย่างเด็ดขาด ทางที่ดีควรเรียกคนผิวสีว่า colored people หรือ darked-skin people มากกว่า ตัวอย่างเพลงที่ใช้คำนี้คือเพลง Holy Grail ของ Jay Z (Ft. Justin Timberlake)

ลองฟังกันได้ที่  https://www.youtube.com/watch?v=UxPLINz5BAk

6. Poppin’ tags, Pop some tags

Poppin’ tags หรือ Pop some tags นั้นมีความหมายเหมือนกัน คือ แปลว่า ไปซื้อของ, ไปช็อปปิ้ง ตัวอย่างการใช้คำนี้ เช่น

l’m gonna pop some tags. Only got twenty dollars in my pocket.
ฉันจะไปช็อปปิ้งด้วยเงินแค่ 20 ดอลล่าร์ในกระเป๋านี่แหละ

และหากเราจะบอกเพื่อนว่า เงินเดือนเพิ่งออก ไปช็อปปิ้งกันดีกว่า เราก็พูดได้ว่า…I just got paid. Let’s pop some tags.

ฟังตัวอย่างเพลงที่ใช้คำนี้  คือเพลง Poppin’ Tags ของ Jay-z
ลองไปฟังกันได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=E7h8XY4bG54

7. Hustler, Hustle, Hustling หรือ Hustla

คำว่า Hustler หมายถึง คนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อ ”เงิน”  แต่จะเป็นการหาเงินในทางที่ผิด เช่น ค้ายาเสพติด หรือค้าผู้หญิง

ส่วน Hustle กับ Hustling นั้นเป็นคำกริยา หมายถึง การหาเงินอย่างผิดกฎหมาย

และอีกคำหนึ่งคือ Hustla เป็นการเขียนอีกแบบให้ดูเท่ห์ แต่ความหมายจริงๆก็เหมือนกับคำว่า Hustle กับ hustling นั่นเอง ในเพลง Diva ของ Beyonce มีคำนี้อยู่ในเนื้อเพลงท่อนที่ว่า  Na, na, na, diva is a female version of a hustla ซึ่งแปลได้ว่า ดีว่าคือสาวมหาเศรษฐี มีเงินร่ำรวย (รวยในทางผิดๆ)

ลองฟังเพลง Diva ดูค่ะ  http://www.youtube.com/watch?v=J1rwO-N4FLk

8. Dope

จริงๆแล้วคำนี้แปลตรงตัวว่า โง่, มึนงง บางครั้งหมายถึงยาที่ทำให้ง่วงหรือยาเสพติด แต่หากเป็นคำ Slang จะแปลว่า เจ๋ง, น่าสนใจ, เท่ คล้ายๆคำว่า cool, appealing (ซึ่งตรงข้ามกับความหมายเดิมที่แปลว่า โง่, มึนงง อย่างสิ้นเชิง) คำนี้เจอทั้งในเพลงและใช้กันในชีวิตประจำวันของวัยรุ่นอเมริกัน ยกตัวอย่างเพลงที่กำลังฮิตของ Nicki Minaj อย่างเพลง Super bass ในท่อนนี้

He pop bottles and he got the right kind of build.  He cold, he dope, he might sell coke.
แปลว่า….และเขาก็ดูเจ๋งดีนะ เท่มากด้วย เขาอาจจะขายยาก็ได้นะ (ในวงการแรปมองว่าคนขายยาเป็นคนที่เท่ ดูดี)

ลองไปฟังเพลงนี้กัน และหาให้เจอว่ามีคำว่า Dope ซ่อนอยู่ที่ไหน จะได้เป็นการฝึกการฟังไปด้วยในตัว
https://www.youtube.com/watch?v=4JipHEz53sU


9. Homie, Homeboy, Homegirl

แปลว่า “เพื่อน” นั่นเองค่ะ หากใครจะพูดถึงเพื่อน แต่ไม่อยากใช้คำว่า Friend เพราะดูธรรมดาไปก็สามารถใช้คำพวกนี้ได้ค่ะ อาจใช้ในความหมายแบบ เพื่อนสนิทหรือเพื่อนบ้านที่โตมาด้วยกัน หรือใช้เป็นสแลงแทน เพื่อนที่รู้จักมานานก็ได้ ตัวอย่างการใช้เพลงนี้ เห็นได้จากเพลงเพราะๆ แนว R&B อย่างเพลง Young Homie ของ Chris Rene ที่พูดถึงการใช้ชีวิตแบบสงบสุข มอบความรักให้กับเพื่อนและคนรอบข้างมากกว่าที่จะไปสนใจยาเสพติด อย่างในเนื้อเพลงท่อน…

Open up your eyes, look around. Homie, can you see how it’s going down?
(ลืมตาแล้วมองดูรอบๆสิ เพื่อนรัก เห็นหรือเปล่าว่ามันแย่ลงแค่ไหน)

ฟังเพลงเพราะๆเพลงนี้ได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=SyBXi9S1CJc

จะเห็นได้ว่าเพลงภาษาอังกฤษในยุคปัจจุบันมีการใช้ศัพท์ Slang กันไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจาก 9 เพลงที่ยกตัวอย่างมานี้ก็ยังมีอีกเยอะมากที่ใช้ศัพท์ Slang โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพลงแนว Hip-hop ที่จะพบมากเป็นพิเศษ  ใครอยากเป็นคนชิคๆ ใช้ศัพท์ใหม่ๆทันสมัยอยู่เสมอ ก็ลองนำคำเหล่านี้ไปใช้กันดูนะจ๊ะ


ที่มา http://www.dailyenglish.in.th/9-slangs-from-music/
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-11-30 05:48 , Processed in 0.037230 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน