KhonThai America : คนไทยในอเมริกา

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
แท็กยอดนิยม: ภาษาไทย แจก discuz
ดู: 6368|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เคล็ดลับดูหนังฝรั่งให้เก่งภาษาอังกฤษ

[คัดลอกลิงก์]

1188

กระทู้

4

ติดตาม

6160

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

most-addictive-tv-series-of-2015-dooddot-08.jpg

               หลายๆ คนมีเทคนิคในการฝึกภาษาอังกฤษที่แตกต่างกัน บางคนเรียนรู้จากการฟังเพลง บางคนเรียนรู้จากการแชทกับเพื่อนฝรั่ง บางคนฝึกจากการดูข่าว แต่วันนี้มีเคล็ดลับในการดูหนังฝรั่งให้เก่งภาษาอังกฤษมาฝากจากเว็บ dek-d ค่ะ ใครชอบดูหนังลองอ่านดูนะคะ


1. เลือกหนังที่เราสนใจและอยากดูจริงๆ
     ถ้าเลือกหนังที่มีเนื้อเรื่องไม่ถูกใจเรา ในใจเราก็จะไม่ค่อยอยากดูละ แล้วก็จะไม่ได้อะไรเลย เช่น พี่เป็นคนกลัวผีมาก ถ้าพี่เลือกหนังผีมาเพื่อฝึกภาษาก็คงไม่ได้ประโยชน์แน่นอนเพราะพี่คงปิดหูปิดตาตัวเองทั้งเรื่อง นอกจากนี้ก็อย่างกอยากฟังบทพูดเยอะๆ โดยการเลือกดูหนังดราม่าหนักๆ ที่ตัวละครคุยกันยาวเป็นหน้า (ถ้าไม่ใช่คนชอบแนวนี้) อันนี้พี่เจอมากับตัวเลยค่ะ เพราะหนังสายนี้ไม่ใช่สไตล์พี่ แต่ด้วยความงก คิดไปว่าถ้าเลือกเรื่องนี้จะได้ศัพท์เยอะกว่าหนังสไตล์ที่ตัวเองชอบแน่ๆ ที่ไหนได้พี่เอาแต่นั่งเหม่อเสียเวลาเล่นๆ ไปแทน ดังนั้นการเลือกหนังหรือซีรีส์ที่จะดูจึงเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ

      ตอนเด็กๆ ส่วนมากพี่ก็ดูแต่หนังเด็กค่ะ เนื้อเรื่องจะไม่หนัก ภาษาที่ใช้ในบทพูดค่อนข้างเข้าใจง่าย รูปประโยคไม่ซับซ้อน พวกการ์ตูนตอนสั้นๆ ก็ใช้ได้เหมือนกัน (เอาที่มีบทพูดนะ ไม่ใช่แบบทอมกับเจอร์รี่ที่ไม่พูดกันเลย) พอเริ่มใช้ภาษาอังกฤษรู้เรื่องก็ค่อยดูหนังแฟนตาซีที่ไม่เด็กมากนัก อันนี้เป็นแนวที่พี่ชอบนะคะ น้องๆ ชอบแนวไหนก็เลือกดูแนวที่ตัวเองชอบเลยค่ะ ถึงแนวที่ตัวเองชอบบทพูดอาจไม่เยอะหรือไม่ยาก แต่ก็ดีกว่ากดดันตัวเองโดยการเลือกแนวที่ไม่ชอบแน่ๆ นี่ไม่ใช่วิชาที่อาจารย์บังคับให้ดูหนังแล้วเขียนรายงานส่ง ฉะนั้นเลือกที่ตัวเองชอบดีที่สุด

friends-at-movies-movie-theater.jpg


2. เลือกระดับภาษาอังกฤษที่ใช้ในเรื่องให้เหมาะกับตัวเอง
     โชคดีมากที่แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคแรกฉายตอนพี่อยู่ประมาณม.1 ภาคนั้นบทพูดไม่ซับซ้อนแถมพี่อ่านหนังสือมาด้วยแล้ว ทำให้เป็นหนังที่พี่เปิดดูแทบทุกวันจนที่บ้านดุเลย 555 เพราะคนอื่นก็อยากดูอย่างอื่นบ้าง สำหรับพี่ตอนนั้นแฮร์รี่ใช้ภาษาเท่ากับที่พี่พอรู้เรื่องเลยค่ะ ทำให้พี่เข้าใจได้ง่าย พอเข้าใจตามได้ง่ายก็จะรู้สึกสนุก พี่ดูจนพูดบทได้ทั้งเรื่อง จำคิวได้เลยว่าใครพูดอะไรตอนไหน แถมพยายามเลียนแบบสำเนียงบริติชของแต่ละตัวละครในเรื่องด้วย ขนาดตอนนี้พี่ใช้ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน แต่ถ้าพูดวลีไหนที่มีในแฮร์รี่ภาคแรกพี่ยังพูดเป็นสำเนียงบริติชเลย มันฝังลงไปแล้วจริงๆ 555

      ส่วนข้อเสียของการเลือกชมเรื่องที่ภาษาอังกฤษยากเกินระดับเราคือ มันจะทำให้เราไม่เข้าใจเท่าไหร่ค่ะ รู้สึกตามไม่ค่อยทันแล้วอาจเหนื่อยขึ้นมาได้ อันที่จริงคือเราสามารถเลือกระดับที่สูงกว่าความสามารถทางภาษาของเราได้ในระดับนึงนะคะ เพื่อเราจะได้เรียนรู้และได้พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น แต่ถ้ามันห่างกันเกินไปก็จะได้ผลไม่ดีเท่าดูเรื่องที่ภาษาใกล้เคียงกับเราค่ะ เช่นระดับภาษาเราอยู่ประมาณพออ่านออกเขียนได้ถามได้ว่าสบายดีมั้ย แต่จะไปเลือกเรื่องที่มีแต่รูปประโยคและศัพท์ยากจนขนาดเปิดซับไทยอ่านยังอ่านไม่รู้เรื่องก็ไม่ไหวนะ ดีไม่ดีจะนั่งเอ๋อทั้งเรื่องแทนค่ะ

1.jpg
Fotolia.com


3. เลือกเรื่องที่ใช้ภาษาถูกต้องและตามยุคสมัย
     ถ้าเป็นภาพยนตร์สร้างตามบทละครเชคสเปียร์ นอกจากภาษาจะยากแล้ว ยังใช้ภาษาอังกฤษแบบเก่าที่คนยุคนี้ไม่พูดกันแล้วด้วย ถ้าเอามาพูดใช้จริงก็จะให้ความรู้สึกเหมือนเราพูดกันด้วยภาษาสมัยกรุงศรีอยุธยาค่ะ น่าจะทำคนอื่นงงไปตามๆ กัน สำหรับคนที่กำลังฝึกภาษาแรกๆ ก็ไม่ควรใช้เรื่องแบบนี้เพื่อฝึกนะคะ แต่ดูเพื่อความเพลิดเพลินได้ แต่ถ้าเป็นคนที่ภาษาเลิศแล้ว จะจำมาใช้บ้างเพื่อเป็นเสน่ห์ก็ได้ค่ะ

     อีกแนวที่ต้องระวังคือภาพยนตร์แนวฮิพฮ็อพหรือใกล้เคียง เพราะภาษาฮิพฮ็อพจะแหกกฎแกรมมาร์ไปเยอะอยู่ จริงอยู่ที่มีชาวต่างชาติใช้จริงอยู่บ้าง แต่เอาไว้ฝึกตอนที่เราเข้าใจแกรมมาร์จริงๆ ก่อนแล้วจะดีกว่าค่ะ แถมชาวต่างชาติที่ใช้ก็เป็นแค่ชาวอเมริกันส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เป็นภาษากลางค่ะ (ภาษาพูดกับภาษาที่ผิดแกรมมาร์ไปเลยต่างกันนะคะ ภาษาพูดเช่น gotta, wanna แต่ภาษาผิดแกรมมาร์เช่น I don't know nobody here.)

3.jpg
mthai

4. ปิดซับ
     เดี๋ยวนี้ทีวีหลายช่องที่ฉายภาพยนตร์หรือซีรี่ส์มีฟังก์ชั่นให้ฟังเสียงจริงและกดปิดซับได้แล้วด้วย ฉะนั้นต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ค่ะ หรือถ้าไม่ได้รับช่องแบบนั้นจะซื้อแผ่นแท้มาดูแบบปิดซับได้ก็ใช้ได้เหมือนกัน สเต็ปการปิดซับที่พี่คิดว่าโอเคเลยคือ

     รอบแรก ดูแบบเปิดซับไทยก่อนให้เข้าใจ รู้เรื่องว่าเรื่องนี้มันสื่ออะไร ใครเป็นใคร
     รอบสอง ปิดซับ ลองตั้งใจฟังบทพูดแต่ละตัวละคร ตั้งใจฟังแต่ละคำ
     รอบสาม ปิดซับ พยายามสะกดคำศัพท์ที่ได้ยินออกมา หรือจะเขียนทั้งประโยคเลยก็ได้ (ถ้าฝึกภาษากับหนังมาหลายเรื่องแล้ว จะจดศัพท์ตั้งแต่รอบที่สองเลยก็ได้)
     รอบสี่ เปิดซับภาษาอังกฤษเช็คว่าที่เราเขียนออกมาถูกมั้ย ถ้าไม่มีซับอังกฤษให้ตรวจก็

      ลองเสิร์ชหาไฟล์ซับภาษาอังกฤษของบทพูดเรื่องนั้นจากอินเทอร์เน็ตดูก็ได้ค่ะ แล้วก็อย่าลืมเปิดความหมายของศัพท์ที่ไม่รู้จากพจนานุกรมด้วย ถ้าจะให้ดีต้องเป็นพจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ เผื่อบางทีเขาแปลซับไทยมาให้ผิด

      วกกลับมาที่แฮร์รี่ภาคแรกกับพี่ ^_^ ด้วยความที่ดูในโรงและรู้เรื่องจากหนังสือแล้วพอซื้อแผ่นมาพี่ก็ดูแบบเปิดซับอังกฤษในรอบแรก แล้วค่อยดูแบบปิดซับในรอบต่อๆ มาเพื่อลองเขียนตามที่ได้ยินก่อนเปิดซับอังกฤษตรวจอีกรอบ ที่จำแม่นเลยคือคำว่า pleasure ตอนที่เฮอร์ไมโอนี่พูดหลังรอนแนะนำตัวในฉากที่เจอกันบนรถไฟ ตอนนั้นพี่ไม่รู้จักคำนี้มาก่อนพอได้ยินก็เดาว่ามันต้องเขียนว่า playsher แน่ๆ แต่เปิดพจนานุกรมหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จนไปเปิดซับตรวจถึงเห็นว่าเป็น pleasure หน้าตาไม่เห็นเข้ากับเสียงเลย แต่ก็ทำให้รู้จักคำนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
4.jpg
RentOurProjectors.com


5. ฝึกออกเสียงตาม
     อย่างที่บอกไปว่าพี่พูดสำเนียงบริติชได้เฉพาะบทพูดในแฮร์รี่ พอตเตอร์ นั่นก็เพราะดูแล้วพี่ฝึกออกเสียงตามค่ะ อันนี้ทำที่บ้านนะคะไม่ใช่ในโรงหนัง กดหยุดแล้วลองพูดตามบางประโยคที่สนใจ ตอนนั้นนอกจากสำเนียงแล้วหน้ากับน้ำเสียงก็ไปตามแต่ละตัวละครด้วยค่ะ แต่การทำแบบนี้มันก็ให้ประโยชน์จริงๆ นะ โดยเฉพาะสำนวนพูดคุยหรือภาษาพูดค่ะ เช่น เวลาพูดว่า Come on! จริงๆ มันออกมายังไง

     ถ้าเป็นภาพยนตร์ที่มีตัวละครชาติอื่นพูดอังกฤษแบบติดสำเนียงภาษาตัวเอง ถ้าเราอยากฝึกให้มีสำเนียงบริติชหรือสำเนียงอเมริกันจริงๆ ก็ไม่ควรออกตามตัวละครเหล่านั้นนะคะ แต่ตัวละครเหล่านี้เหมาะใช้ฝึกฟังมากๆ เลยค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะเจอภาษาอังกฤษสำเนียงอะไรบ้าง การฝึกหูฟังหลายๆ สำเนียงจะช่วยให้ฟังรู้เรื่องขึ้นเยอะเลย หนังที่พี่อยากแนะนำให้ฝึกฟังหลายๆ สำเนียงเลยคือ Inglourious Basterds (2009) เป็นหนังที่สนุกมากๆ เลยด้วย

5.jpg
LikeSeries.Com


แนะนำภาพยนตร์สำหรับผู้สนใจเริ่มฝึกภาษาอังกฤษ
     - หนังตัวเอกเป็นเด็กทั้งหลายเช่น Harry Potter และ The Chronicles of Narnia หรือแม้แต่หนังเด็กเบาๆ อย่างภาพยนตร์สมัยเด็กของคู่แฝด Olsen, ลินด์เซย์ โลฮาน หรือฮิลารี่ ดัฟฟ์ เช่นเรื่อง The Parent Trap ที่ลินด์เซย์เล่นเป็นแฝดคนนึงอยู่อเมริกาคนนึงอยู่อังกฤษ ต้องฝึกใช้ 2 สำเนียง
     - การ์ตูนและอนิเมชั่นน่ารักอย่าง Toy Story, Finding Nemo, Monsters, Inc.
     - หนังที่ Tom Hanks เล่น พี่ไม่ได้เป็นติ่งแต่รู้สึกว่าทอม แฮงค์พูดค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับดาราดังคนอื่นๆ ค่ะ น่าจะฟังกันง่ายแถมหนังเขาเยอะด้วย อย่าง Cast Away ก็จะเจอเขาพูดคนเดียวแทบทั้งเรื่อง หรือ Forrest Gump เขาจะพูดช้าเข้าไปใหญ่อีก
     - ซีรี่ส์ Mind Your Language ดูได้ที่ YouTube มีหลายสำเนียงให้ได้ยิน
     - หนังคลาสสิกอย่าง My Fair Lady มีหลายเวอร์ชั่นทั้งเป็นละครเพลงและภาพยนตร์ธรรมดา นางเอกใช้ภาษาอังกฤษแบบสำเนียงท้องถิ่นและไม่ค่อยเป็นกุลสตรี พระเอกเลยสอนการเป็นกุลสตรีให้ ดูแล้วจะเหมือนได้เรียนไปพร้อมนางเอก (แนะนำเวอร์ชั่นปี 1964)
     - หนังที่ตัวเอกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แล้วต้องจับมาสอนแนวการ์ตูน Tarzan เช่น George of the Jungle (1997), Encino Man (1992)
     - หนังยุคปี 1980-2000 เสียงพูดจะชัดๆ โดดๆ ออกมาจากเสียงดนตรีประกอบมากกว่าหนังยุคนี้ค่ะ ความเร็วในการพูดของยุคนั้นถือว่าช้ากว่าสมัยนี้ด้วย จริงๆ จะดูเก่ากว่านั้นก็ได้แต่คิดว่าไม่น่าจะชอบหนังเก่าไปมากกว่านี้กันแล้ว


            ใครมีหนังในดวงใจที่ใช้ฝึกภาษาอังกฤษก็สามารถแนะนำเพิ่มเติมได้ด้านล่างเลยนะคะ ขอบคุณบทความจากพีพิซซ่า เว็บเด็กดีด้วยค่ะ ส่วนที่สนใจเรียนที่อเมริกา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ อีเมล enroll@khonthaiamerica.com หรือทาง Inboxhttps://www.facebook.com/KhonThaiAmerica ทางเรามีเจ้าหน้าที่ดูแลนักเรียนอยู่ตามเมืองต่างๆ
เช็ครายชื่อเจ้าหน้าที่ ที่นี่  http://khonthaiamerica.com/services/khon-thai-america-staff/


โดย Ice : KhonThaiAmerica
ที่มาบทความ https://www.dek-d.com/studyabroad/39311/

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|KhonThai America

GMT+7, 2024-11-29 03:39 , Processed in 0.038588 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X2.5  Language by l3eil3oy

© 2001-2012 Comsenz Inc. style by eisdl

ขึ้นไปด้านบน