ประโยคสัมภาษณ์วีซ่าไทยและอังกฤษ

น่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะสัมภาษณ์ขอวีซ่า ลองอ่านๆกันดูนะคะ แล้วปรับใช้กับของตัวเองดู

เครดิตรวบรวมจากกระทู้ขอคุณ  linna จาก pantip

รวมประโยคสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา ทั้งภาษาไทยและอังกฤษเท่าที่จะหาได้    
ถาม Why do you want to travel to the USA?
ตอบ บอกเหตุผลไปเลยค่ะว่าจะไปทำไม เยี่ยมญาติ ท่องเที่ยว อะไรก็ว่าไปค่ะ

ถาม How long will you stay in the US?
ตอบ จะอยู่นานเท่าไรก็บอกไปค่ะ แต่ต้องให้ตรงกับในข้อมูลที่กรอกด้วยนะคะ

ถาม Where will you stay in the US?
ตอบ จะไปพักที่ไหน กับใครต้องแจ้งที่อยู่ให้ละเอียดด้วยนะคะ

ถาม How much expense do you expect from this trip?
ตอบ ถ้าใช้เงินตัวเองก็ต้องโชว์ค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมกับเงินที่มี หรือถ้ามีสปอนเซอร์เซ็นรับรองไปเลยค่ะ

ถาม Who is sponsoring you?
ตอบ ใครออกค่าใช้จ่ายให้คุณ ต้องแจ้งให้สถานทูตทราบด้วยว่ามีความสัมพันธ์อะไรกับคุณ

ถาม What does your ………… do?
ตอบ ไม่ว่าสถานทูตจะถามว่าใครก็ต้องตอบให้ได้ตามความจริงนะคะ

ถาม Where does your ……………. stay in the US?
ตอบ ตอบไปเลยค่ะว่าคนที่คุณจะไปหา ไปพักด้วยอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร

ถาม Can I have the contact details of your ………?
ตอบ เอาที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ อีเมล์ให้เค้าไปเลยค่ะ (อยากได้นักก็เอาให้เค้าไปเลยค่ะ)

ถาม Do you have relatives in the US? Who are they? / Do you know anyone in there?
ตอบ ตอบไปค่ะว่า yes or no แล้วค่อยบอกว่าคนคนนั้นเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับเรา รู้จักกันได้อย่างไร

ถาม How long has your ………. been in the US?
ตอบ บอกสถานทูตไปค่ะว่าคนที่คุณรู้จักในอเมริกาอยู่ที่นั้นมานานเท่าไรแล้ว

ถาม What is the legal status (What visa) of your ………?
ตอบ สถานทูตอาจจะถามถึงสถานภาพวีซ่าของคนที่คุณรู้จักในอเมริกาว่าอยู่ที่นั้น ด้วยวีซ่าอะไร (ในกรณีที่คุณมีญาติหรือคนรู้จักอยู่ที่นั้นผิดกฎหมายหรือเคยทำเรื่อง เปลี่ยนสถานะวีซ่า คุณไม่ควรบอกว่ารู้จักอย่างยิ่งค่ะ)

ถาม Have you booked airline tickets?
ตอบ ตอบไปค่ะว่าจองแล้วหรือยัง ถ้าจองแล้วโชว์หลักฐานให้สถานทูตดูด้วยค่ะ

ถาม Have you been to US before?
ตอบ เคยหรือไม่เคยก็ตอบไปค่ะ ว่าคราวที่ไป ไปด้วยวีซ่าอะไร

ถาม Did you ever go abroad before?
ตอบ เคยไปที่ไหนมาบ้างบอกสถานทูตไปเลยค่ะ (พาสปอร์ตขาวสะอาดก็ไม่ต้องกลัวนะคะ ตอนเราขอพาสปอร์ตเรายังใหม่ๆซิงๆเลยด้วยซ้ำไปค่ะ)

ถาม What do you do in Thailand?
ตอบ อยู่ที่นี่ทำงานอะไรก็บอกไปค่ะ เป็นเจ้าของกิจการ หรือไม่มีงานทำ หรือเกษียณก็ต้องบอกค่ะ

ถาม Who will take care your business when you are visiting US?
ตอบ ถ้าทำงานบริษัท สถานทูตคงไม่ถามค่ะ แต่ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ อาจจะต้องโดนถามข้อนี้แน่ๆค่ะ บอกให้ได้นะคะว่าใครทำแทน

ถาม Could you please show me your business card?
ตอบ ข้อนี้หลายๆคนอาจจะไม่เคยโดนถาม แต่เรากับน้าเราโดนค่ะ เผื่อไว้ก็ดีนะคะ สำหรับพวกรับงาน Freelance ทั้งหลาย

ถาม Will you come back to Thailand after your visit?
ตอบ ตอบไปเลยค่ะว่า แน่นอน 100%

ถาม How can you assure me that you will come back?
ตอบ ก็คือเราจะทำให้สถานทูตแน่ใจได้อย่างไรว่าเราจะกลับมา และนี่ก็คือที่มาของหนังสือรับรองตนเองที่แนะนำให้เขียนค่ะ

เครดิต เจ้าของคำสัมภาษณ์นี้ไม่รู้เอาของใครมา ขอโทษที่ไม่ได้ขอแล้วก็ขออนุญาตโพสเพื่อเป็นความรู้แก่ท่านอื่นนะคะ ขอบคุณคะ

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 13:06:07 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

**************************************************************

Embassy:Why do you want to go to America?
Me:I want to study English Course after that I will study in Master Degree.

Embassy:Who is sponsoring you ?
Me: My Father.

Embassy:What does he do?
Me: He has own 's business about the bag and the shoes.

Embassy:What is he doing ? ถามซ้ำมาไอ้เราก็ไม่รู้จะตอบไงอีก เลยตอบไปว่า
Me: He sold the bag and the shoes. กลับพยักหน้าแล้วพิมพ์ลงไป 555+

Embassy:Do you have relatives or family in the US?
Me: I beg your pardon please. ไม่รู้พูดถุฃูกป่าวแต่เค้าก็พูดอีกครั้ง (รอดตัวไป)

Embassy: Do you have relatives or family in the US?
Me: No.I don't have

Embassy:Where do you stay in the US?
Me:I will stay at Homestay.

Embassy: Ok .I improve you .
Me: Thank you very much .Good Bye.

เครดิต ของใครไม่ทราบขอโทษที่นำมาโดยไม่ขออนุญาตนะคะ แล้วก็ขออนุญาตทางนี้เลยและกันเพื่อนำมาเป็นความรู้แก่ท่านอื่น ขอบคุณนะคะ

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 13:08:14 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

*******************************************************

เจ้าหน้าที่ : Hello How are you?
จขกท : Hi sir. I am good, thanks. And how are you?เจ้าหน้าที่ : ยิ้มๆ (นานๆจะมีคนทักทายเค้าทีต้องเห็นใจนะคะ วันๆถามแต่คำถามเดิมๆซ้ำๆซากๆ) I'm ok. Thanks.
เจ้าหน้าที่ : Ms. xxxxxxx
จขกท : Yes sir.เจ้าหน้าที่ : Why do you want to go to America?
จขกท : I would like to study English course

เจ้าหน้าที่ : Where are you going to study?
จขกท : San Francisco

เจ้าหน้าที่ : But I think your English is pretty good. Why do you want to study English? (ซวยละตู)
จขกท : It's a TOEFL course, sir. (-*-)

แล้วเค้าก็พิมพ์ๆๆๆ คลิกๆๆ ดูข้อมูลที่หน้าจอ ตลอดเวลา โอเค ตรงกับฟอร์ม DS ที่เรากรอกไปว่าเป็นคอร์ส TOEFL

เจ้าหน้าที่ : Oh ok. How long do you intend to study English?
จขกท : The TOEFL course will take 3 months and I will continue another 3 months of GMAT and apply for the Master Degree.

เจ้าหน้าที่ : ไม่พูดอะไรค่ะ พิมพ์ๆๆๆๆ อย่างเดียว แล้วก็ดูที่จอตลอด Who's paying for your trip?
จขกท : My uncle.

เจ้าหน้าที่ : And what does your uncle do?
จขกท : He works at EGAT. Electric อารายซักอย่างจำไม่ได้แล้ว

เจ้าหน้าที่ก็พยักหน้า Ok. ยื่นใบสีฟ้าให้ไปกรอกที่อยู่ Go to the post office and pay 75 Baht.

O_o Thank you so much sir ! And have a great day ! แล้วเค้าก็ยิ้ม Thank you and you too. เย้ๆ ได้มาแล้วค่ะ

เครดิต เจ้าของคำสัมภาษณ์นี้ไม่รู้เอาของใครมา ขอโทษที่ไม่ได้ขอแล้วก็ขออนุญาตโพสเพื่อเป็นความรู้แก่ท่านอื่นนะคะ ขอบคุณคะ

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 13:09:58 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

 Q : สวัสดีครับคุณ..........
Me : สวัสดีค่ะQ : Why do you go to America?
Me: I think I can improve my english skill and be more confident to talk to foreigner without reluctance braaaaaaaaaaaa............(เสียงสั่นๆบ้าง เพราะตื่นเต้น)Q : Ummmmmmmmmm
Q : What do you do ?
Me : I am a............but I just resignedn.........

Q : Why did you resign?
Me : prepare mysafe go to study.

Q : ก็กะลังอยู่ I -20 แล้วก็พูดประมาณบ่นคนเดียวว่าทำไมค่าค่าใช้จ่ายที่โรงงเรียนประมาณมาทำไมถูกจัง เราก็งงว่าเขาคุยกับเราหรือเปล่า เขาก็เลยถามเป็นไทยว่า "คุณประมาณค่าใช้ไว้ทั้งหมดเท่าไร"
Me : Estimate abount XXX,XXX บาท

Q : ใครเป็น spornserให้ แม่ใช่มัย ขอดูเอกสารเกี่ยวกับ Bank หน่อย
Me : รีบหาให้ มือสั่นนิดหน่อย

Q : How long your course?
Me : 1 year

Q : อีก 2-3 จะจัดส่ง Passaport ไปให้ครับ
Me: Thank you very much รีบเก็บเอกสารแล้วเดินออกมา เดี๋ยวเขาเปลี่ยนใจ (อิอิ)
ต่อท้ายนิดหนึ่ง ไปถึงตั้งแต่ 9 โมงเช้า นัดไว้ 10 โมง ได้สัมภาษณ์ตอน 11.30 รอจนเกือบหายตื่นเต้นแนะ ตั้งแต่คนเต็มห้อง จนเหลือประมาณ 10 คนอะ แต่ใช้เวลาสัมภาษณ์จริงๆประมาณ 2 นาทีเอง ก็ขอให้กำลังในเพื่อนๆน้องที่กำลังจะไปสัมภาษณ์กันนะค่ะ ขอให้ผ่านฉลุย

เครดิต เจ้าของคำสัมภาษณ์นี้ไม่รู้เอาของใครมา ขอโทษที่ไม่ได้ขอแล้วก็ขออนุญาตโพสเพื่อเป็นความรู้แก่ท่านอื่นนะคะ ขอบคุณคะ

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 13:11:41 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

*******************************************************

Q : What is your occupation now?
A : I've just resigned from my company sir.Q: Why?
A : The contract was expired (ตอบผิดๆ ถูก ๆ ตื่นเต้น แกรมม่าผิดรวด)Q : Last time you apply for B1/B2 visa right?
A : Yes.

Q : And now you apply for F1 visa
Q : What will you study?
A : English course.

Q : And what's the exactly plan after your finish the course.
A : I will study the master degree in boston university.

Q : What the subject will you study your master degree.
A : Supply chain management sir

Q : So Who is your sponsor?
A : My father

Q : How much your father income?
A : Around XX,XXX Baht/month

Q : ขอบอกตามตรงว่า มันไม่พอสำหรับการเรียนที่อเมริกานะครับ
A : แต่ว่า ดิฉันก็มีแม่ ซึ่งมีรายได้เท่ากับพ่อนะคะ

Q : OK OK (หันไปพิมพ์อะไรนานมาก ๆ ใจเต้นตึกตัก)
Q : What the exactly subject in supply chain management which you interesting.
A : Import and Export.

Q : Then after your finish your master degree, what is your plan?
A : I will come back to help my parent business.

Q : เปิดดูทรานสคริปท์ Oh did your learning Japanese? Can you speak japanese?
A : Little bit
Q : Let 's try
A : ?>?>!!!!??#$%^ bla blah

Q : Wow Good
A : (ให้กระโดดตบตอนนี้ก็ทำแหละ สั่งให้หนูทำอะไรหนูก็จะทำ T.T )

Q : OK ผม จะออกวีซ่าให้คุณ แล้วจะจัดส่งให้ทางไปรษณีย์นะครับ
A : ยกมือไว้งาม ๆ แล้วก็บอกว่า ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
Q : ขอให้มีความสุขนะครับ

เครดิต เจ้าของคำสัมภาษณ์นี้ไม่รู้เอาของใครมา ขอโทษที่ไม่ได้ขอแล้วก็ขออนุญาตโพสเพื่อเป็นความรู้แก่ท่านอื่นนะคะ ขอบคุณคะ

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 13:13:25 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

*******************************************************

ท่านกงสุล : จะไปเรียนอะไรที่เมกา
ผม: เรียนภาษาอังกฤษ
ท่านกงสุล : ไปเรียนที่ไหน
ผม: ไป alexandria, virginia
ท่านกงสุล : ทำไมถึงอยากจะเรียนที่นี่ แล้วรู้จักที่นี่ได้ยังไง
ผม: เพื่อนเรียนมาก่อนครับ เค้าบอกว่าดีมากแล้วก็ไม่แพงจนเกินไป
ท่านกงสุล : แล้วเพื่อนยังเรียนอยู่รึเปล่า
ผม: กลับมาแล้วครับ (โกหก)
ท่านกงสุล : ขอดู statment
ผม: อะ (ยื่นให้)
ท่านกงสุล : อีก 2-3 วันวีซ่าจะส่งไปทางเมลล์นะ (ยิ้ม)
ผม: อะ.....จ๊ากกกกกเครดิต เจ้าของคำสัมภาษณ์นี้ไม่รู้เอาของใครมา ขอโทษที่ไม่ได้ขอแล้วก็ขออนุญาตโพสเพื่อเป็นความรู้แก่ท่านอื่นนะคะ ขอบคุณคะจากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 13:14:20 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

*******************************************************

1. What are you going to do in America?
2. How long are you going to study?
3. And then you will take a master's degree in MBA?
4. Where did you do your undergraduate study?
5. Who's paying for your trip?
6. What does your cousin do?
7. Why is she paying for your trip?
8. What countries have you been to?

เครดิต เจ้าของคำสัมภาษณ์นี้ไม่รู้เอาของใครมา ขอโทษที่ไม่ได้ขอแล้วก็ขออนุญาตโพสเพื่อเป็นความรู้แก่ท่านอื่นนะคะ ขอบคุณคะ

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 13:14:58 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

Why the specified University.
 Which Universities did you apply to (both admits and rejects).
 Show me your GRE scorecard.
 Where did you Undergraduate from.
 Who is sponsoring you.
 What does your father do.
 What is your father's Income.
 How many brothers and sisters do you have.
 Do you have any relatives in USA.
 Why don't you do this course in your country?
 What will you do after completing MS.
 Show your Experience Certificate.
 Why Study in USA.
 Did you got Scholarships.
 Have you got any Loans.
 Show your Pass Books/Bank statements.
 What is your Undergraduate GPA/Percentage.
 Parents retired? How will they pay.
 Tell about your university.
 Mention some professor names
 Tell me how can you prove that you are gonna come back.
 Where did your brother/parents completed their studies.
 What's your Religion.
 Why are you leaving your current job?
 Have you ever been to US?
 What will you do after coming back to Home.
 You have so...brothers and sisters so your fathers saving is for all how will u finance..
 Where do your parents live (If they live in USA).
 Do you know anyone (in USA) in your University?
 Do you know anyone in US?
 What will you do if your Visa is rejected.
 Will you come back to home during summers.
 What do you think. Why University is giving Scholarship to you.?
 Where are you planning to stay in USA?
 Have you paid your semester fees?

เครดิต เจ้าของคำสัมภาษณ์นี้ไม่รู้เอาของใครมา ขอโทษที่ไม่ได้ขอแล้วก็ขออนุญาตโพสเพื่อเป็นความรู้แก่ท่านอื่นนะคะ ขอบคุณคะ

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 13:15:39 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

*******************************************************

เจ้าหน้าที่กงสุล: พูดภาษาไทยสวัสดีครับ อันนี้ตอนเห็นแฟ้มแม่เรา
เรา: สวัสดีค่ะ

เจ้าหน้าที่กงสุล: พอเห็นแฟ้มเราเป็นวีซ่านักเรียนเท่านั้นแหละโห รัวภาษาอังกฤษมาเป็นชุด พูดไวมาก
เรา: sorry again plz

ท่านกงสุล: ภาษาอังกฤษ ทำไมคุณถึงต้องไปเรียนภาษาที่อเมริกา
เรา: เราฟังไม่ทัน เรานึกว่าเค้าถามว่าทำไมถึงต้องไปอเมริกา เราก็ตอบไปว่าไปเรียนภาษาแล้วก็พัฒนาภาษาอังกฤษเราพูภาษาอังกฤษนะคะ

ท่านกงสุล: ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ผมถามคุณว่าทำไมคุณถึงต้องไปเรียนภาษาที่อเมริกา เรียนเพื่องานที่ดีขึ้น เพื่อท่องเที่ยว หรือเพื่ออะไร
เรา: เราก็แบบโอ้โหตอบไงดีวะ ตอบเป็นภาษาอังกฤษเลย ฉันไปเรียนภาษาเพื่ออยากได้ภาษาอังกฤษที่ดี ยังตอบไม่จบท่านกงสุลหน้าคิ้วขมวดและ เราก็เลยบอกต่อว่า อนาคตเราอยากเปิดสถานบันสอนภาษาเป็นของตัวเอง เพราะเราเรียนภาษาจีนมา อยากได้อังกฤษเพื่อมาเป็นเจ้าของสถาบันภาษา ท่านกงสุลยิ้ม เฮ้อโล่งแล้วตู

เจ้าหน้าที่กงสุล: ใครเป็นสปอนเซอร์ให้คุณ ภาษาอังกฤษ
เรา: คุณพ่อ
ท่านกงสุล: พ่อยูทำอะไร
เรา: เจ้าของกิจการคะ กิจการของพ่อคือ โรงพิมพ์คะ

ท่านกงสุล: คุณมีญาติอยู่ที่อเมริกาไหม
เรา: มีคะพี่สาว เรียนอยู่ที่นั่น สักพักท่านกงสุลหน้าคิ้วขมวดอีกแล้ว แล้วก็พิมพ์คอมๆไป เราก็เอาไงดีวะทำอะไรเลยดี เลยสะกดชื่อพี่สาวไปให้ท่านเลย ท่านก็ยิ้มออกมา เราพูดเสียงดังด้วยฮ่าๆ
ท่านกงสุล: ท่านยิ้ม พูดว่าพี่สาวคุณอยากเป็นแอร์โฮสเตสใช่ไหม เราก็บอกว่าเยส สักพัก รัวมามาชุดใหญ่แบบใหญ่อลังการมาก บอกตามตรงแปลไม่ได้ฟังไม่รู้เรื่อง อเกนพรีสประมาณสองรอบ

ท่านกงสุล: ถือแฟ้มเรา รวบพาสปอร์ต นึกในใจกรูทำไรผิดวะเนี้ย ทำไงดีๆเค้ากำลังจะส่งคืนใช่ไหม เพราะท่านเหมือนจะรวบแล้วเหมือนจะยื่นคืนเลยงะ

แม่: นางเอกมาเลย ท่านคะพูดไทยดีกว่าคะ สักพักท่านวางแฟ้ม แล้วก็ยื่นหน้ามาพูดกับเราเป็นภาษาไทยว่า พี่สาวคุณบอกว่าจะไปเรียนหนึ่งปี แล้วนี่ทำไมอยู่เกินหนึ่งปีละ เราเอาแล้วใจหายแว๊บบบบบบบบ เรานึกในใจต้องรีบตอบ

เราเลยพูดภาษาอังกฤษ บอกว่า หนึ่งปีเนี้ย สำหรับเรียนภาษา แล้วตอนนี้พี่สาวเราสมัครเรียนปริญญาโทแล้ว แต่กำลังทำเอกสารอยู่ ถ้าท่านอยากได้ข้อมูลอะไร ให้ท่านเอาเบอร์ของมหาลัย เบอร์เจ้าหน้าที่ของมหาลัยที่พี่สาวเราสมัครไปได้เลย ท่านก็ยิ้ม
แล้วหันไปถามแม่เราแทน เป็นไงละนางเอกดีนัก อิอิ

ท่านกงสุล: คุณไปอเมริกาทำไมครับ ภาษาไทย
แม่: ไปส่งbaby แม่เราตอบไทยคำอังกฤษ คำ ท่านกงสุลคำอะ หัวเราะด้วยทำไมตอนเราไม่แบบนี้นะคะท่านทำหนูใจหาย

ท่านกงสุล: ยิ้ม คุณทำอาชีพอะไรครับ
แม่: ช่วยกิจการเฮียที่บ้าน เรานึกในใจเค้าจะรู้จักคำว่าเฮียไหม แม่เราเรียกพ่อเราว่าเฮียไงคะ ปรากฎเค้ารู้ว่าคือสามี

ท่านกงสุล: ไปกี่วันครับ ภาษาไทย
แม่: สิบวันเท่านั้นแหละคะ เพราะว่า เดี๋ยวเดือนกันยายนกิจการที่บ้านจะยุ่งมาก เพราะบ้านเราเปิดโรงพิมไงคะ ช่วงเดือนกันยาเป็นต้นไปมันจะเป็นหน้าทำปฎิทิน ตามที่ลูกค้าที่เป็นเจ้าของกิจการ สั่งมาเพื่อให้ลูกค้ารายย่อย แล้วงานทำปฎิทินมันยุ่งมาก แถมเยอะด้วย แม่เราก็ต้องมาช่วยป๊า

ท่านกงสุล: ขอดูใบจดทะเบียนการค้าด้วยครับ เราก็ยื่นไป
ท่านกงสุล: เอาใบฟ้านี่ไปจ่ายที่ไปรษณีย์ด้านนอกนะครับ
เราก็ขอบคุณเดินอึ้งออกมา นี่เราได้แล้วใช่ไหมหม่าม้า ม้าบอกม้าไม่รู้แต่เค้าบอกให้ไปจ่ายตังที่ไปรษณีย์ ตกลงเราได้แล้วใช่ไหมคะ ที่เค้าไม่คืนพาสปอร์ต

อันนี้ของเราเองคะ

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 13:20:20 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

*******************************************************

บอกเล่าประสบการณ์สัมภาษณ์ วีซ่าอเมริกา...
ก่อนอื่นขอขอบคุณ เพื่อน ๆ ในกระทู้และ คุณ ซูซี่
ผมและคู่สมรสม ไปสัมภาษณ์ F1 มาเมื่อ 13/6/2008
ภาษาอังกฤษ ครับ ( ถ้าพูดอักฤษได้ สัมภาษณ์อังกฤษเลย แนะนำ)
แต่งตัวดูดี ผู้ชาย ผูกไทเสื้อเชิต ผู้หญิงก็ ใส่สูท น่ะ เพราะเรามองว่ามันมีส่วนน่ะ…คิดว่าไปสัมภาษณ์งานบริษัทอินเตอร์...คนสัมภาษณ์ก็มองเราดีในระดับหนึ่งน่ะครับEmbassy : Miss…….. please scan you second finger left side. Mr. And Miss : Sawadee krub and ka ( ไม่ได้ไหว้หรอก) กล่าวสวัสดี ( หน้า แก ดุ นิดหน่อย แต่เราก็ มองโลกในแง่ดี และ เตรียมพร้อมแบบมั่นใจ)
Embassy : MR…..Please scan your middle finger left side.
Embassy : Why do you want to go to US both together.
MR : We go to US for study English. Because I used to learn English in Thailand, but my weakness are speaking and listening ,and We need to learn and practice English with native speaker , And US is high education standard.
Embassy :Mrs. You work in the bank. How about Mr?
Mr. : I work at ZZZZ international company.
Embassy : How long have you got married? แล้วก็ พิมพ์ อะไรไม่รู้ พักนึง....
Mrs : I have got married for two years.
Embassy : Who do you live with? Who is AAA ( person I stay with) ?
Mr.: I will live with AAA. AAA is friend of my mother friend , Mother friend contact for me.
Embassy : What AAA do in US ? Restaurant or not?
Mr. : I don’t know sir.
Embassy : AAA is man ,right? Is he Chinese?
Mr : Yes , he is man and Chinese.
Emassy : Have you meet him before?
Mr. I have never met him?
Embassy : Do you place for rent or free?
Mrs : We pay for rent for one room.
Embassy : Why your cousin sponsor you? ( Cousin sponsor for MR , Mrs pay for herself)
Mr : We are close cousin and he has own business.
Embassy : What type of business?
Mr.: He has rubber tree estate.
Embassy : Mr , how long do you work at this company?
Mr. I have work for one and haft years.
Embassy : Does your company know about you will take off ?
Mr. : My company doesn’t know and I will inform them after visa approve sir, anyway I discuss with my boss about further study in US.
Embassy: Do you have company letter ( หนังสือรับรองเงินเดือน).Mr. : I have it ( ทั้งสองเราก็ ให้เขาดู)
Embassy : OK it Pass and We will send back to you around 4 days.
Mr. And Mrs : Thank you very much. ( เขาเก็บทุกอย่างเลย DS156 157 158 , I-20 , Passport ,Sevis fee , ใบเสร็จค่าธรรมเนียม)
ก็ตอบตามจริงเลยอย่าอำอึ้งน่ะ เพราะอาจจะมีพิรุจ อีกอย่าง ถ้าไม่ทัน ก็ I beg your pardon.

สิ่งที่ เขาขอดู น่ะ DS156(รูปถ่าย 2*2 นิ้ว) 157 158 , I-20 , Passport ,Sevis fee , ใบเสร็จค่าธรรมเนียม ,transcript , company letter.
สิ่งที่เตรียม แต่ไม่ใช้เลย sponsor’s book bank / my book bank / parents’s book bank / ใบผ่านการเกณท์ทหาร / ทะเบียนสมรสตัวจริง / ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล / รูปถ่ายความสัมพันกับ สปอรน์เซอร์ / สมุดทะเบียนรถ /โฉนด เรา พ่อ แม่ / รูปถ่าย แก้ว แหวน เงิน ทอง อื่น ๆๆ / รูปแต่งงาน / รูปครอบครัวเราและ คู่สมรส /

สิ่งที่มานั่งคิดอีกทีว่าทำไมมีคำถามเยอะจัง
1. คนอื่นที่เป็น สปอน เซอรื ที่ไม่ใช่เราและพ่อแม่ ( เขาจะจ่ายให้เราทำไม)
2. คนที่เราจะไปอยู่ด้วย เขาก็ว่าจะเป็นญาติ หรือ คนรู้จัก กลัวเราจะไม่กลับ มั้ง ( บอกไปเลยว่าเช่าห้อง เป็น Homestay ถึงแม้จะรู้จัก..)
3. อายุด้วยมั้ง เราทั้งคู่ 28 ปี ทำงานแล้ว เขาคงคิดว่าจะไปทำไม มีงานแล้ว ( เราต้องตอบไปเลย แบบหนักแน่น)

เครดิต บล๊อคคุณซูซี่กับเจ้าของบทสัมภาษณ์คุณPai คะ

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 13:25:15 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

*******************************************************

Embassy:Why do you want to go to America?
Me:I want to study English Course after that I will study in Master Degree.
Embassy:Who is sponsoring you ?
Me: My Father.
Embassy:What does he do?
Me: He has own 's business about the bag and the shoes.
Embassy:What is he doing ? ถามซ้ำมาไอ้เราก็ไม่รู้จะตอบไงอีก เลยตอบไปว่า
Me: He sold the bag and the shoes. กลับพยักหน้าแล้วพิมพ์ลงไป 555+
Embassy:Do you have relatives or family in the US?
Me: I beg your pardon please. ไม่รู้พูดถุฃูกป่าวแต่เค้าก็พูดอีกครั้ง (รอดตัวไป)
Embassy: Do you have relatives or family in the US?
Me: No.I don't have
Embassy:Where do you stay in the US?
Me:I will stay at Homestay.
Embassy: Ok .I improve you .
Me: Thank you very much .Good Bye.

เครดิต คุณzofeus นำมาจากบล๊อคคุณซูซี่

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 13:26:52 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

*******************************************************

Robert: คุณ Sannita นะครับ
Sannita: ค่ะ (นึกในใจ ถ้าไม่ใช่ จะเสนอหน้ามาหรอคะ)
Robert: จา ปาย อเมริกา ทาม มาย ครับ
Sannita: ไปเที่ยวค่ะ
Robert: ปาย กาบ คราย ครับ
Sannita: เพื่อน ค่ะ
Robert: เพื่อน มี วีซ่า หรือยังครับ
Sannita: ยังค่ะ เพื่อนก็มาสัมภาษณ์วันนี้
Robert: (หยิบเอกสารของเรา Ayumo ขึ้นมา) คนนี้ ช่าย ม๊าย ครับ
Sannita: ค่ะ
Robert: (เปิด passport ดูที่ละหน้า ย้ำ ทีละหน้าจิงๆ) มีเล่มเก่า มั๊ยครับ
Sannita: ไม่มีค่ะ อันนี้เล่มเเรก
Robert: คุณ เขียนว่า เคยไป Australia มา วีซ่า คุณทำ ที่ไหน
Sannita: ไม่ทราบค่ะ ให้ บริษัท ทัวร์ทำให้
Robert: ไม่ใช่ ผม ถามว่า วีซ่า คุณทำ ที่ไหน
Sannita: (เริ่มหงุดหงิดแล้ว ตอบไปแล้วนะ หน้าเริ่มจะวีนนิดๆๆๆ) ไม่เข้าใจ คำถามค่ะ
Robert: (โกรธแล้วนะ) ผม ก็ ม่าย เข้า จาย คุณเหมือนกัน คุณบอกว่าปีนี้คุณเพิ่งไปออสเตรเลียมา แต่ผมไม่เห็นคุณมีวีซ่าออสเตรเลียเลย
Sannita: (เริ่มเก็ท โอ๊ยย ถามผิดแล้วค่ะคู๊นนน) อยู่ด้านหลังค่ะ
Robert: (เปิด passport ไปหน้าหลัง) อ๋อๆๆๆๆ นี่แหละๆ ผมเข้าใจแล้ว
Sannita: (ถูกค่ะ เข้าใจซะที เฮ้ออ)
Robert: แล้ว คุณ เอาเงินที่ไหนไปครับ
Sannita: (มั่นใจม๊ากกก) อ๋อ ก็มีเงินเก็บอ่ะค่ะ แล้วก็โบนัส
Robert: เงินเดือน คุณ เท่าไหร่ครับ
Sannita: 17,000 THB ค่ะ (แต่ตอบประหนึ่งว่า ได้ซักแสนเจ็ด)
Robert: แล้วโบนัส คุณได้เท่าไหร่ครับ
Sannita: อ๋อ ก็ประมาณ 2 เดือนครึ่งน่ะค่ะ (ปีนี้จะได้จิงป่าว ก็ไม่รู้)
Robert: โอเคๆ แล้วคุณจะไปเที่ยวที่ไหน
Sannita: ก็สาธยายกันไป เหมือนที่ดูมาจากโปรแกรมทัวร์ (นึกในใจ จะคำถามสุดท้ายยังเนี่ย เริ่มเซ็งแล้วนะ)
Robert: โอเคๆ ครับ ผมออก วีซ่าให้คุณ
Sannita: (ก็นั่นแหละค่ะ ที่เดี๊ยนต้องการ อิๆๆๆ) ขอบคุณค่ะ

เครดิต คถณLittle_@yumi ขอโท่ฃษไม่ได้ขออนุญาตนะคะ

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 20:00:24 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

กงศุล - คุณเจ ใช่ไหมครับ
เจ - ใช่ค่ะ
กงศุล - คุณจะไปทำอะไรที่อเมริกาครับ
เจ - ไปเที่ยวค่ะ
กงศุล - ไปเที่ยวที่ไหนครับ
เจ - ไปซีแอตเติ้ล ค่ะ
กงศุล - ทำไมถึงไปซีแอตเติ้ลครับ
เจ - ซีแอตเติ้ลสวย และจะมีเทศกาลทิวลิบในเดือนเมษายนหน้าค่ะ
กงศุล - คุณจะไปกับใคร
เจ -ไปกับ นางสาวโอ ค่ะ นางสาวโอ จะมาสัมภาษณ์วีซ่าในวันที่ 17/11
กงศุล - คีย์รายการ จิ๊กๆๆๆๆ (คาดว่าน่าจะคีย์ข้อมูลของนางสาวโอ)
กงศุล - คุณเคยไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างครับ
เจ - ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี สิงกาโป มาเลเซีย เนปาล จีน หลายครั้งค่ะ
กงศุล - ขอดูพาสปอตเก่า หน่อยครับ
กงศุล - คุณเคยมาขอวีซ่าอเมริกาแล้วเมื่อ 14 ปีก่อน แต่โดนปฏิเสธ ตอนนั้นคุณคงยังเด็กไป (แอบแซวแฮะ)
เจ - ตอนนั้นพึ่งจะเปลี่ยนงานใหม่นะค่ะ แต่ก็ไม่เด็กแล้ว อิอิ ^__^
กงศุล - ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ เอาใบสีฟ้าไปที่ไปรษณีย์ ข้างนอกนะครับ
เจ - ขอบคุณค่ะ

วันที่ 17/11 ก็เป็นคิวสัมภาษณ์ของนาวสาว โอ (อิฉันเองค่ะ)
กงศุล - คุณโอ ใช่ไหมครับ
โอ - ใช่ค่ะ
กงศุล - คุณจะไปทำอะไรที่อเมริกาครับ
โอ - ไปเที่ยวค่ะ
กงศุล - ไปเที่ยวที่ไหนครับ
โอ - ซีแอตเติ้ลค่ะ
กงศุล - ทำไมถึงไปซีแอตเติ้ลครับ
โอ - จะมีเทศกาลทิวลิบในเดือนเมษายน และ มีดอกซากุระบานในเดือนนั้นด้วยค่ะ
กงศุล - ไปกับใครครับ
โอ - ไปกับเพื่อนค่ะ
กงศุล - ไปกับคุณเจ เป็นอะไรกับคุณครับ
โอ - เป็นเพื่อนค่ะ
กงศุล - คุณทำงานอะไร
โอ - broker stock exchange of Thailand ค่ะ
กงศุล - stock อะไร
โอ - บอกรายละเอียดเกี่ยวกับงานไปแต่เนื่องจากเป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงตามมา
กงศุล - ????????????????? พูดภาษาอังกฤษ ขอบอกว่าไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ทราบจริงๆ ว่าท่านถามอะไร
โอ - ค่ะ ทำหน้าตาเอ๋อๆๆ เอามากๆ
กงศุล - ไม่เป็นไรครับ
กงศุล - how long do you stay in USA? (อ้าวไหงท่านเปลี่ยนโหมดภาษาละเนี่ย)
โอ - สิบ วัน ค่ะ (ยังตอบภาษาไทย อิอิ แต่ตั้งตัวได้แล้วเลยแปลออกนิดโหน่ย) หวังว่าแกคงเปลี่ยนกับมาโหมดภาษาไทยดังเดิม
กงศุล - คุณเคยไปประเทศอะไรมาบ้าง
โอ - สิงค์โปร์ มาเลยเซีย อินโดนีเซีย และ จีน ค่ะ (เอเชีย ล้วนๆ )
แต่ของนางสาวโอ กงศุลไม่ได้ขอดู พาสปอต เก่านะค่ะ
กงศุล - หยิบใบสีฟ้าให้ แล้วบอกว่าเอาไปที่ไปรษณีย์และจ่ายตังซื้อซองด้านนอกนะครับ
โอ -ไหว้งามๆ และ ขอบคุณค่ะ

เครดิต คุณต้นไม้สีน้ำเงิน

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 20:01:55 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

*******************************************************

นี่คือบทสัมภาษณ์ค่ะ (ขอแปลเป็นภาษาไทยนะคะ)
ช่อง 10 : คุณ..... ใช่มั๊ยครับ
ดิฉัน : ค่ะ
ช่อง 10 : ไปทำอะไรครับ
ดิฉัน : ไปเที่ยวค่ะ
ช่อง 10 : เที่ยวที่ไหนที่ the united state ครับ
ดิฉัน : นิวยอร์ค ฟีลาเดอเฟีย วอชิงตันค่ะ จะซื้อแพคเก็จทัวร์และไปตาสถานที่เหล่านั้นแหละค่ะ
ช่อง 10 : (เปิดพาสปอร์ตดูหน้าสุดท้าย ที่ถูกแสตมป์ reject จาก Australia embassy) ทำงานที่ไหนครับ
ดิฉัน : ที่ .... ค่ะ
ช่อง 10 : ขอดูเอกสารเกี่ยวกับการทำงานด้วยครับ
ดิฉัน : ก็อย่กับคุณแล้วนี่คะ
ช่อง 10 : อ้อ ... โอเค (ดูๆอ่านๆ) บริษัท ทำเกี่ยวกับอะไรครับ
ดิฉัน : เกี่ยวกับ ..... ค่ะ
ช่อง 10 : (เปิดพาสปอร์ตดูหน้าสุดท้าย ที่ถูกแสตมป์ reject จาก Australia embassy…. อีกแล้ว) ขอดูบัญชีด้วยครับ
ดิฉัน : (ยื่นให้)
ช่อง 10 : อืม... ทำไมมีเงินเข้าเยอะจังครับช่วงหลังๆ
ดิฉัน : มีก้อนนึงค่ะ ที่ได้เงินคืน จาก refund airline ticket ที่พี่สาวจะไปเที่ยวยุโรป ตอนเดือน มี.ค. แต่ญาติเสียพอดีเลยไม่ไป และเนื่องด้วยเธออยู่ที่ ตจว. จึงให้ดิฉันทำเรื่อง คืนเงิน และดิฉัน จึงจ่ายเงินของดิฉันให้เธอไปก่อน ก็เพิ่งได้เงินคืนเกือบสี่หมื่นค่ะ และมากกว่านั้นเนื่องจากดิฉันเป็นเซลล์ รายได้ส่วนมากจึงมาจากคอมมิชชั่นค่ะ
ช่อง 10 : โอเคครับ (ดูหน้าสุดท้ายอีกละ จะไหวมั๊ยเนี่ย) อืมมม ไม่ทราบว่าถูกปฏเสธวี่ซ่าออสเตรียเพราะอะไรครับ (น่านนนนน ถามจริงๆ ด้วย)
ดิฉัน : อืมม ไม่ค่อยแน่ใจค่ะ แต่ดิฉันเดา นะคะ เพราะว่าดิฉันมีเพื่อน ที่ เพิร์ท และพยายามโทรหาเธอแต่ไม่ติด จึงทำเรื่องขอวีซ่า (คงคิดว่าห่วงเพื่อนแน่ๆ) และที่อยู่ที่ดิฉันลงไปในเอกสารเป็นที่อยู่เพื่อน ในขณะที่ยังติดต่อกันไม่ได้ ค่ะ อีกอย่าง ช่วงนั้นตรุษจีนค่ะ ดิฉันไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวและทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง กลับมาเจอ miss called เยอะแยะไปหมด และดิฉันเดา (เน้นมากๆๆๆ ว่าเดาค่ะ) ว่าเป็นเพราะสถานทูตออสเตรเลียติดต่อดิฉันไม่ได้ วีซ่าจึงไม่ถูกอนุมัติค่ะ
ช่อง 10 : โอเค (หน้าตาดูสบายใจขึ้นค่ะ) ขอดูพาสปอร์ตเล่มเดิมด้วยครับ
ดิฉัน : (ยื่นให้)
ช่อง 10 : (ดูๆ นิดหน่อย) have a nice trip
ดิฉัน : (เย้ เสียงสวรรค์)

เครดิต คุณ PinaM

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 20:03:36 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

*******************************************************

กงศุล- สวัสดีค่า
เรา- สวัสดีค่า ยิ้ม (จำไม่ได้ว่าไหว้หรือเปล่า)
กงศุล- เคยไปอเมริกาหรือเปล่าคะ
เรา-ไม่เคยค่า
กงศุล-ไปเยี่ยมสามีใช่ไหมคะ
เรา-ค่ะ
กงศุล-แต่งงานเมื่อไหร่คะ
เรา- บอกวันที่แต่งไป
กงศุล-เจอกันที่ไหนคะ
เรา-เจอกันทางอินเตอร์เน็ตค่ะ
กงศุล-โอ้ แล้วมาเจอกันครั้งแรกเมื่อไหร่
เรา-บอกวันที่ไป (แอบเงียบ คิดนานนิดนึง จำไม่ได้ 55)
(ข้อความหลังจากนี้ เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษกระทันหัน)
กงศุล-เจอกันกี่ครั้งแล้วคะ
เรา-บอกจำนวนครั้งที่เจอไป (กงศุลยิ้ม)
เรา-มีจดหมายเชิญจากสามีมาด้วยค่า (ดีใจ ได้ยื่นแล้ว 555) (เรายื่นสำเนาพาสปอร์ตสามี พร้อมทั้งจดหมายเชิญ เอกสารของสามีนิดหน่อย)
กงศุล-เปิดผ่านๆ อาจจะอ่านด้วยความเร็วสูง
กงศุล-ตอนนี้สามีคุณทำงานที่อัฟกานิสถานใช่ไหมคะ
เรา-ค่ะ
กงศุล-สามีของคุณคาดว่าจะทำงานนี้นานแค่ไหน
เรา- เขาเคยบอกว่า นานที่เขาจะทำได้ค่ะ
กงศุล-คุณมีลูกสาวใช่ไหมคะ
เรา-ค่ะ
กงศุล-ทำไมคุณถึงไม่ทำพาสปอร์ตให้ลูกสาว เพื่อที่จะไปกับคุณล่ะคะ
เรา-ทำไม่ได้ค่ะ ทำพาสปอร์ตของเด็กทารก ต้องให้พ่อกับแม่เซ็นรับรองทั้งสองฝ่าย
กงศุล- ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ทำไมไม่ทำพาสปอร์ตอเมริกันให้ลูกคะ
เรา-ทำไม่ได้ค่ะ กำลังอยู่ในระหว่างการทำเรื่องของ ซิติเซ่น ต้องรอตรวจ dna ครั้งนี้สามีจะไปตรวจดีเอ็นเอค่ะเพื่อรับรองบุตร (เราพูดถึงขั้นตอนคร่าวๆให้ฟัง)
กงศุล-โอ้ เข้าใจแล้ว (พร้อมกับหัวเราะ) คุณเลยจะไปคนเดียว
เรา- ค่ะ หนูคิดถึงแฟน เจอกันแค่ปีละไม่กี่ครั้งเอง (ทำหน้าเว้าวอน)
กงศุล-ใครดูลูกให้คะ
เรา-คุณยายค่ะ ตั้งใจว่าจะไปแค่ 15 วันหรือน้อยกว่านั้น
กงศุล-คุณและสามีได้วางแผนที่จะไปอยู่อเมริกาไหมคะ
เรา-เคยคิดกันไว้ค่ะ แต่ว่ายังไม่ใช่ตอนนี้
กงศุล-ตอนนี้คุณทำงานอยู่ใช่ไหมคะ
เรา-ค่ะ
กงศุล- พูดให้ฟังถึงกฏระเบียบว่า คุณมาขอวีซ่าท่องเที่ยว ซึ่งแปลว่าไม่ใช่วีซ่าที่คุณจะอยู่ได้ถาวร หากคุณต้องการอยู่ถาวรต้องขอวีซ่าอีกประเภทหนึ่ง คุณได้วีซ่าประเภทนี้ คุณต้องกลับมาประเทศไทยในระยะเวลาที่กำหนดนะคะ ประมาณนี้คร่าวๆ
เรา-ค่ะ
กงศุล-ยินดีต้องรับสู่อเมริกา แล้วจะส่งพาสปอร์ตคืนให้ 4-5 วันทำการนะคะ
เรา-ขอบคุณค่ะ เอิ่มขอโทษนะคะ ได้กี่ปีคะ
กงศุล- อันนี้เราได้ยินไม่ถนัด คือเราเดินถอยออกไปแล้ว ได้ยินท้ายๆว่า ปกติแล้วก็สิบปี
เรา-ยิ้ม ยกมือไหว้ ขอบคุณ สักสามรอบ

ดีใจ ยิ้มแก้มแทบแตก เราไม่โกหกเลย แม้สักประโยคเดียว พูดจริงทั้งหมด หยุดคิดแล้วตอบก็มี คือตอบเรื่อยๆ ตามที่เป็นจริง เลยไม่ค่อยเครียดมากกับคำถาม ถามไรมาก็ตอบไปเรื่อยๆ คือจริงๆแล้ว มันคุยกันนานกว่านี้ แต่เหมือนคุยกันธรรมดามากกว่า และปอก็จำบทสนทนาไม่ได้ทั้งหมด คุยไปยิ้มไป หัวเราะไป เธอสัมภาษณ์คนได้ดีมากๆค่ะ ไม่ทำให้คนถูกสัมภาษณ์เกร็ง ตอบผิดตอบถูก ขอชื่นชมกงศุลตรงนี้ด้วย

เครดิต คุณKaida

จากคุณ     : linna
เขียนเมื่อ     : 14 ก.ค. 54 20:05:01 A:118.172.141.86 X: TicketID:240045

*******************************************************

คำสัมภาษณ์เด็กสิบห้า สดๆร้อนๆวันนี้นี่เอง ช่องสิบสอง คิว ๐๗.๔๕น.
สัมภาษณ์จริง ๑๐.๐๐น.
วีซ่าเอฟหนึ่ง ไปเรียนต่อไฮสคูล

ถาม ขอทรานสคริปต์ด้วย
ส่งทรานสคริปต์จากโรงเรียนเดิมให้

ถาม จะไปเรียนไฮสกูลต่อเกรดไหน
ตอบไปตามจริง

ถาม จะไปอยู่เมืองไหน
ใช่   +๑๒๓๔๒๑+๑๒

ถาม การ์เดียนอยู่ที่ไหน การ์เดียนเป็นญาติทางไหนจะไปอยู่กับการ์เดียนใช่ไหม
ใช่ การ์เดียนเป็นน้าชาย ส่งสำเนาพาสปอร์ตการ์เดียนให้ไป พลิกดูแล้วคืนมา

ถาม ใครเป็นสปอนเซอร์ค่าใช้จ่ายในการเรียน
พ่อแม่

ถาม สปอนเซอร์(พ่อแม่)ทำงานอะไร
+๑๒๓๔๓๒๑+๒๓๔

ถาม การ์เดียนทำงานอะไร
+๑๒๓๔

ถาม จะไปเรียนกี่ปี เรียนจนจบไฮสคูลเลยใช่ไหม
ใช่ +๑๒๓๔

ถาม โชคดีในการศึกษานะ

สรุป ได้วีซ่านักเรียนห้าปี ตอนแรกนึกว่าจะได้ปีเดียวซะแล้ว เพราะไอทเวนตี้ที่โรงเรียนดันทำมาเพียงปีเดียว เวลาก็กระชั้น ขี้เกียจเปลี่ยนไอทเวนตี้ใหม่ กลัวขอวีซ่าไม่ทัน

ข้อมูลเพิ่มเติม
เด็กอายุสิบห้า เจ้าหน้าที่อนุญาตให้พ่อแม่เข้าไปในกงสุลด้วย แต่เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์เฉพาะเด็ก
เลยขี้เกียจเข้า ไปรอที่ตึกสินธรดีกว่า

จากคุณ     : M11 3FF
เขียนเมื่อ     : วันอาสาฬหบูชา 54 01:29:25

*******************************************************

จนท - สวัสดีครับ
เรา -   สวัสดีค่ะ
จนท  - จะไปอเมริกาทำไมครับ
เรา -  ไปเที่ยวค่ะ นัดกับเพื่อนที่อยู่ที่นั่นไว้
จนท -  เพื่อนทำอะไรอยู่ที่นั่น
เรา -  เรียนปริญญาเอกอยู่ u. of washington ค่ะ
จนท  -  เที่ยวให้สนุกนะครับ
เรา - ??????????  (แค่นี้เองเหรอ)

จากคุณ     : black onyx
เขียนเมื่อ     : วันอาสาฬหบูชา 54 19:54:55

สดๆ ร้อนๆ  เพิ่ง สัมภาษณ์ มาค่ะ ยังตื่นเต้นไม่หาย

Embassy  : สวัสดีครับ (ชัดมาก)
Me          : (อึ้งอยู่ชั่วขณะ พร้อมยกมือไว้) สวัสดีค่ะ ชัดมากค่ะ พูดไทยเก่งจังค่ะ

Embassy :  ขอบคุณครับ เเสกนนิ้วกลางข้างซ้ายครับ
Me         :  (ทำตามอย่างว่าง่าย ให้ทำไรหนูทำหมด)

Embassy :  พูดไทยได้มั๊ยครับ
Me         :  พูดไทยได้ดีมากค่ะ

Embassy :  ยิ้มๆ เเล้ว บอกว่าภาษาอังกฤษครับ
Me         :  a little bit ka

Embassy :  ยิ้มๆ เเล้ว บอกว่าภาษาอังกฤษครับ
Me         :  a little bit ka

Embassy: Why do you want to go to America?
Me         :I'd like to study English language and after that I plan to apply at ........ University

Embassy:Who is sponsoring you ?
Me         : My aunt ka.

Embassy: Why ..... ? (ไม่รู้ว่าประโยคเต็มๆ ว่าไง เเต่รู้ว่าทำไมเป็นป้าละ)
Me         : Because ... พ่อเเม่เเยกกันอยู่ เเละป้าก็ส่งเสียให้เรียนตั้งเเต่ประถมเเล้วค่ะ

Embassy: Sorry krub
Me         : never mind (ยิ้มหวานไปอีกรอบ)

Embassy:Do you have relatives or family in the US?
Me        :No

Embassy:Where do you stay in the US?
Me        : I will stay at Homestay.

Embassy:Have u ever been in USA? เค้าหยิบ passport เล่มเก่ามาดู
Me        : Yes, I've been NJ

Embassy : you love it?
Me         : yes, bla ..... that why i choose to study in USA

Embassy: พิมพ์ ๆๆๆๆๆ พูดอะไรไม่รู้จำไม่ได้
Me        : เออ.... ยิ้มหวาน เเล้ว Thank you very much, sir

ความจริงเราก็กังวลเรื่อง sponser เนื่องจากเป็นป้า เเล้วเงินก็ไม่ได้เยอะด้วย ^^
สัมภาษณ์ครั้งนี้เลยคิดว่า เเค่ตอบตามความจริง เเละก็มีเเผนทีชัดเจน ก็น่าจะพอนะ ไม่ขอดูเอกสารอะไรเลยอะ

จากคุณ     : Green Juicy
เขียนเมื่อ     : วันเข้าพรรษา 54 01:18:48

*******************************************************

ของเราขอวีซ่าท่องเที่ยวค่ะ สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวานนี้เอง
1. where in America are you going to?
-> Atlanta, GA
2. why'd you like to go?
-> travel and visit bf (เรามีจดหมายเชิญของแฟนด้วย)
3. do you have relatives in US?
-> nope
4. what is your plan after this? you are in th and your bf in US, what's your plan in the future?
-> อันนี้ออกแนวปัญหาครอบครัวนิดนึง ไม่คิดว่าจะโดนถาม เราตอบไปว่า perhaps we'll talk about it this time
5. what do you do? ->i am property broker, i am self-employed.
6. how can you get money?
-> from commission.
7. do you have documents?
เราก็ยื่นพวกใบเสร็จที่เคยได้รับเงินจากลูกค้าซึ่งมีชื่อเราเป็นผู้รับ แล้วก็ก้อปปี้หน้าเช็ก (อันนี้โชคดีจริง ๆ ที่เตรียมมา)
8. how much is your average revenue?
-> อันนี้เราตอบไปว่าปีที่แล้วเราทำได้เท่าไหร่ (เราแปลกใจที่เค้าไม่ขอดูแบงก์account หรือว่า financial statement เราเตรียมไปนะ แต่ว่าไม่ขอ เราก็เลยไม่ยื่นให้)
9. do you own house?
-> no
9. how do you live in bkk?
-> i rent an apartment (สีหน้าเค้าไม่ค่อยดีนัก เราเริ่มใจแป้ว)
10. where have you been before?
-> UK, Aus, NZ, China, HK...
11. ok na, the visa I am going to give you is tourist visa (แล้วก็พูดไทย วีซ่าท่องเที่ยว) if you get to meet with your bf and figure out how......bla bla bla ตอนนั้นไม่รับรู้ไรเท่าไหร่แล้ว รู้แต่ว่า ฉันได้แล้ววุ๊ย :):)
Good luck เป็นคำสุดท้ายที่ได้ยิน

ตอนนี้ลุ้นอยู่ว่าจะได้วีซ่านานแค่ไหน ยังไงก็ได้ เพราะว่าจะกลับมาแน่ ๆ ค่ะ

จากคุณ     : พี่ฟี่
เขียนเมื่อ     : 23 ก.ค. 54 14:59:12 A:61.90.13.217 X: TicketID:155030

*******************************************************

ใช้กระทู้ นี้เป็นประสบการณ์วันนี้ ที่สัมภาษณ์ ขอเพิ่มเติมแล้วกันครับ ในส่วนที่ยังไม่มีและได้เจอมา.....
เจ้าหน้าที่ : สวัสดีคร๊าบบบบบบบบบบ (เสียงลากเหมือนสุทธิชัยหยุ่น).
.......................
เจ้าหน้าที่ : ไปอเมริกาทำไมคร๊าบบบบบ
.......................
เจ้าหน้าที่ : ไปที่ไหนคร๊าบบบบบบบบบบ
......................
เจ้าหน้าที่ : ไปนานเท่าไหร่คร๊าบบบบบบ
......................
เจ้าหน้าที่ : ไปกับใคร
(พอดีไปกับภรรยา แต่ไม่จดทะเบียน)
เจ้าหน้าที่ : มีลูกมั้ย
.......................
เจ้าหน้าที่ : แล้วใครจะเลี้ยงลูก
.......................
เจ้าหน้าที่ : มีบ้านเป็นของตนเองมั้ย
.......................
ไปลงทะเบียนที่ไปรษณย์ แล้วรอรับพาสปอร์ตคืน เราจะส่งให้ทางไปรษณีย์
.....ขอบคุณคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ (แอบติด เสียงลากยาวของคุณพี่ฝรั่งแก)

จากคุณ     : Perth&Pearl [Bloggang] เขียนเมื่อ     : 28 ก.ค. 54 19:49:29

*******************************************************

ขอวีซ่า F1 หลังจากได้ I20 ลงเรียนภาษา 3 เดือน
เวลานัด 7.45น. วันศุกร์ที่  5 Aug’2011  ไปถึงประมาณ 6.50
แถวยาวถึงสะพานลอยหน้ากงศุล เหมือนโน้ตอุดมบอกจริงๆค่ะ มีสองแถวชิดกำแพง กะริมฟุตบาท ต่อคิวไปเรื่อยๆ
จนมีเจ้าหน้าที่มาบอกว่าช่วง 7 โมงกว่าๆ แถวไหน ช่วงนี้ก็รออย่างเดียว
พอเห็นคนสวยเสื้อชมพูเดินมา เริ่มมีความหวัง เค้าพยายามเดินมาตามคนรอบ 7.15 และขอร้องไห้ไม่ยืนขวางทางเท้าไม่ยืนขวางสะพานลอย

รอต่อไปอีก 20 ก้าวถึงประตูคนสวยเสื้อชมพู มาขอดูแบบฟอร์ม DS-160 กับพาสปอร์ตแต่ละคนในแถว
รอจนได้ก้าวเข้าประตูสถานทูตประมาณ 8.40 น.
ทางเข้ามีระบบรักษาความปลอดภัยแบบมืออาชีพเป็นห้องกระจกโล่งๆพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประมาณ 7-8 คน  เข้าไปครั้งละ 10 คน
เจ้าหน้าที่ ขอให้ฝาก โทรศัพท์มือถือ พีซี อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคทุกชนิด ทั้งกุญแจรีโมทย์ คีร์การ์ด USB หูฟัง พร้อมเตรียมบัตรประชาชน หรือใบขับขี่เพื่อฝากของ
ขอชื่นชมเจ้าหน้าในเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยที่คนนึง รูปร่าง สูง  เข้ม นัยตาหวาน เค้าพูดจาฉะฉาน มีใจรักบริการยิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวบางแห่ง
พูดจาทักทายและให้ความช่วยเหลือผู้เข้ารับการสัมภาษณ์ อย่างดีด้วยคำพูดที่ช่วยลดความกังวล
พร้อมอวยพรบางคนว่าขอให้ผ่านการสัมภาษณ์ พูดภาษาอังกฤษไพเราะฉะฉานขั้นเทพ ผ่านด่านนี้ด้วยความสบายใจ

เข้าไปต่อแถวอีกรอบเพื่อรอ เสื้อชมพูอีก สามคนตรวจเอกสาร ใช้เวลาอีก 1 ชม. รอยื่นเอกสารสัมภาษณ์กะเจ้าหน้าที่คนไทย ซึ่งเป็นช่องบริการคล้ายธนาคาร 3 ช่องมีกระจกหนากั้นมิดชิดมีแต่ช่องยื่นเอกสารด้านล่าง
แล้วมีเครื่องแสกนนิ้วที่วางลงไปได้ทั้งมือ ด้านซ้าย ด้านขวาเข้าใจว่าเป็นเครื่องขยายเสียงเราสู่ด้านใน
เจ้าหน้าที่ทั้งสามช่องท่าทางน่าเกรงขามเพราะมีหน้าที่ตรวจประวัติและตรวจสอบถามข้อมูลที่จำเป็นบางอย่าง
ระหว่างที่รอเค้าตรวจสอบจะให้อ่านคำประกาศที่ติดอยู่ใกล้ๆ ว่าจะ ให้การและข้อมูลตามความจริงมิเช่นนั้นจะถือเป็นความผิดทางกฎหมายและผิดต่อกฎการยื่นขอวีซ่าโดยสรุป
พร้อมให้แสกนนิ้วแบบ ที่วางลงไปได้เกือบทุกนิ้ว สองข้าง คำถามตัวอย่างคือ
คุณเคยยื่นขอวีซ่ามารึยังคะ
คุณมีญาตอยู่ที่อเมริกามั๊ย
ตอนนี้คุณทำงานอะไร
เงินเดือนเท่าไหร่
เป็นคนจังหวัดอะไรคะ
คุณจะไปทำอะไร
และนานเท่าไหร่คะ
ถ้าเป็นคนที่เคยยื่นแต่ไม่ผ่าน เค้าคุณจำได้มั๊ยว่าเคยยื่นและโดนปฎิเสธการขอวีซ่ามาแล้ว
แล้วรู้เหตุผลมั๊ยคะว่าโดนปฏิเสธเพราะอะไร พอตอนเสร็จเจ้าหน้าที่ยื่นแฟ้มเอกสารพร้อมคิวรอสัมภาณ์ และเข้าไปต่อในห้องโถงใหญ่ๆ ที่มีเค้าเตอร์ไม้ดูขลังๆ เรียงเป็นมุมฉากมีประมาณ เกือบ 10ช่อง
แต่เปิด แค่ 5 ช่องมีกระจกหนากั้นแบบด้านนอก และมีท่านกงศุลชาวอเมริกันนั่งอยู่บางช่อง น่าเกรงขาม คนยืนต่อคิวประมาณ 5 แถวแถวละเกือน 10 คน
ที่เหลือนั่งรออีกประมาณ 70 คน เหมือนในธนาคารที่คนเยอะมาก แต่ที่นั่งเยอะและหันหน้าไปทางเดียวกัน มีจอแอลซีดีเปิดรายการทีวีเบาๆ

จำได้ว่าเริ่มนั่งรอเวลา 9.40 น. มีการเรียกคิวเรื่อยๆ ทั้งอัตโนมัติและกงศุลฝรั่งผู้หญิงพูดไทย บ้างก็นั่งหลับ บ้างก็อ่านหนังสือ ดูคนโน้นคนนี้ไป
พอได้เวลาประมาณ 10.15 รอเข้าแถวหน้าเคาเตอร์ประมาณ 4-5 ช่อง
ช่องไหนเสร็จก่อนก็เข้าไปสัมภาษณ์ช่องนั้น กงศุลแต่ละช่องมีลักษณะประมาณนี้
ช่องแรกผู้หญิงอเมริกันวันกลางคนหน้าตานิ่งๆ
ช่องสอง ชายอเมริกันวันทำงาน ขาว อวบมีเครา ผมเกรียนท่าทางน่าเกรงใจ
ช่องสาม หนุ่มอเมริกัน สะอาด ดูดี หล่อมาก ท่าทางภูมิฐาน ใจดี พูดภาษาไทยได้ดี หน้าตายิ้มแย้ม
ช่องต่อไปมองไม่เห็นแล้วค่ะ

ตกลงได้สัมภาษช่องสอง คำถามที่ในการสัมภาษณ์คือ
เรา : Good Morning,Sir
ท่านกงศุล : Good Morning! Why do u want to go to study in USA ?
เรา : I would like improve my English because working with International company.
ท่านกงศุล : What’s you company? แล้วเค้าก็หาข้อความมูลในคอมคิดว่าดูจาก DS160 ที่เรากรอกไปและดูใบรับรองการทำงานที่เรายื่นแนบ
เรา : I’m working at ………………………. It’s a Korean company. จะอธิบายต่อกงศุลถามก่อน
ท่านกงศุล : What’s your position?
เรา : I’m Assistant Administration and HR Officer.
ท่านกงศุล : How long do you plan for stay there ?
เรา : I hope to stay there for 3  years ; 1 year for  study English General or TOEFL Course 1 more year for Certificate Program…กำลังจะบอกว่าอยากเรียนโทรด้วยถ้าสอบ โทเฟลผ่านแต่เค้าถามมาก่อน
ท่านกงศุล : If you will apply just only 1 certificate 1 year enough!
เรา : If possible I’ll try to apply to study in Master Degree : 2 more years
ท่านกงศุล : ทำหน้าเหมือนสงสัยแต่พยายามเข้าใจ ถามต่อ Who’s your sponsor?
เรา : My Father sponsor me.
ท่านกงศุล : What ‘s he doing now?
เรา : He’s a teacher.
ท่านกงศุล : นิ่งเปลี่ยนสีหน้าสงสัยมาก ว่าไหวเหรอ เค้าพยายามหาข้อมูลเราจากในคอม
เรา : I’m sorry. My mother sponsor me, too . My parents are teacher.
ท่านกงศุล : พยักหน้าพร้อมกะยิ้มแล้วยื่นใบสีฟ้าให้ไปติดต่อไปรษณีย์...ขอบคุณเค้าทันทีด้วยความดีใจ
เรียบร้อย ในเวลา 10.21 น.ไปจ่ายเงินที่ไปรษณีย์ด้านหน้า พร้อมได้เลขที่ติดตามจดหมายทันที

• ขอโทษที่อธิบายยาวไปนะคะ จริงๆการตอบคำถามบางข้อตอบไปด้วยความตื่นเต้นท่องมาหลายวันหลายคืนแต่ลืมหมดเชื่อว่าจริงๆ การตอบมาจากใจและ แสดงประสงค์ที่แท้จริงจากเราเป็นการแก้สถานการณ์ตอนนั้นได้แต่ควรจะข้อมูลพร้อมกว่านี้เพราะอาจจะทำให้เราพลาดได้ง่ายๆ

• หลายคนบอกว่าเค้าไม่มีเกณฑ์ในการอนุมัติ แต่เชื่อ ตามที่ได้อ่านข้อความจากลิงค์ที่แนะนำไปว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่ได้ใช้ดุลพินิจของตัวเองเลย ทุกอย่างมาจากข้อมูลที่เราให้และนำไปแสดง
รวมไปถึงการแจ้งจุดประสงค์ของการขอวีซ่าอย่างจริงใจ มีคนบอกว่าเจ้าหน้าที่กงศุลที่สัมภาษณ์เราทั้งคนไทย และคนอเมริกันผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
มีจิตวิทยาขั้นเทพ ยิ่งกว่าถูกฝึกมาจาก เอฟบีไอ นอกจากเอกสาร การแต่งตัว สีหน้า อารมณ์ การพูด การแสดงออกระหว่างการสัมภาษณ์ เชื่อว่ามีผลต่อการอนุมัติค่ะ

• การทำงานของเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นธรรมเพราะมีผู้พยายามใช้สิทธิพิเศษในฐานะลูกข้าราชการท่านผู้ใหญ่ แต่เธอผิดหวังนั่งร้องไห้ บ่นพึมพรำ เพราะทำไม่สำเร็จถ้าไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดเองคงไม่เชื่อ สรุปทุกคนต้องอดทนรอและพยายามด้วยตนเองเพื่อให้ได้มาซึ่งวีซ่าของประเทศที่ได้ชื่อว่า ประเทศมหาอำนาจ และประเทศพัฒนาแล้วนี้

• หวังว่าข้อมูลนี้จะเป้นประโยช์ต่อคนที่กำลังจะไปสัมภาษณ์นะคะ เอาใจช่วยทุกคนค่ะ

แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 03:30:51

จากคุณ     : Afteryoo (Afteryoo)
เขียนเมื่อ     : 8 ส.ค. 54 17:46:33