ขั้นตอนการขอวีซ่า F-1 ที่แสนจะยุ่งยาก
หลังจากเราสมัครเรียนและขอให้ทาง รร.ส่ง I-20 มาให้เราแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการขอวีซ่า
1.ถ่ายรูปสำหรับทำวีซ๋าเพื่อมาใส่ใน DS-160 อ๋อ อย่าลืมถ่ายรูปแล้วขอ Soft file เค้าด้วยนะ
มันจะมีหน้านี้ ที่ให้เรา browse รูป แต่ถ้าใส่รูปไม่ได้ ไม่มีปัญหา วันที่สัมภาษณ์ก็เอารูปไปด้วย 1 ใบ
2.ทำ DS-160 เพื่อขอวีซ่าและจ่ายเงินค่าธรรมเนียมต่าง
ดูขั้นตอนดังต่อไปนี้ (ข้อมูลจากเว็บของสถานฑูต)
- เข้าไปที่เว็บ www.ustraveldocs.com/th และสร้างบัญชีผู้ใช้ เลือกประเภทของวีซ่าและค่าธรรมเนียมตามวีซ่าประเภทนั้นๆ ซึ่งจะได้แบบฟอร์มใบฝากเงินธนาคารที่มีรายละเอียดตามที่ท่านกรอก ให้พิมพ์แบบฟอร์มใบฝากเงินธนาคารนั้นออกมา
- นำใบฝากเงินธนาคารที่ได้มาไปยังธนาคารกรุงศรีอยุธยา ณ สาขาตามที่กำหนดไว้เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมสมัครวีซ่า
(ตอนไปจ่ายอย่าลืมนำพาสปอร์ตตัวจริงไปด้วย) - กรอกแบบฟอร์มสมัครวีซ่า DS-160 ทางอินเทอร์เน็ตที่https://ceac.state.gov/genniv/
- กำหนดนัดหมายวันสัมภาษณ์ทางอินเทอร์เน็ตที่ www.ustraveldocs.com/th หรือทางโทรศัพท์ผ่านศูนย์บริการที่ 02-105-4110
- ในการกำหนดนัดวันสัมภาษณ์ ให้แจ้งที่อยู่สำหรับการจัดส่งเอกสารด้วย หากคำร้องขอวีซ่าของท่านได้รับอนุมัติ ทางเราจะจัดส่งวีซ่าของท่านไปยังที่อยู่ตามท่านระบุจะไปรับหรือให้จัดส่ง
- กรุณาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการขอวีซ่านี้ได้ที่www.ustraveldocs.com/th
หมายเหตุ :
1)การจะกรอก DS-160 ได้ เราก็ต้องมีข้อมูลอยู่ในมือก่อน พวกเอกสารจากทางมหาลัย เอกสารเราเอง พวก passport ที่อยู่ ข้อมูลการเรียนของเรา I-20 เค้าจะให้เราใส่ Code ที่อยู่ใกล้ๆกับ Barcode ค่ะ และระหว่างทำควรจะ save ไว้ เรื่อยๆนะคะ ตอนกรอกตอนแรกเค้าจะให้รหัสเรามา ก็จดไว้หรือ copy/paste ไว้ก่อน (มุมขวาบน) เพื่อกันไว้หากคอมเราเกิดอาเพศอันได้ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากรอกใหม่
พอกรอกเสร็จเค้าจะมีหน้านึงเป็น Barcode ให้เรา ก็ print ตัวนั้นออกมา ตัวนี้สำคัญมากๆนะคะ อย่าลืม print
2) พอกรอก DS-160 เสร็จแล้ว ก็ไปจ่ายค่า SEVIS Fee (เฉพาะนักเรียนต้องจ่ายค่ะ) ที่เวปนี้ :: https://www.fmjfee.com/i901fee/ กดเข้าไปที่ Proceed to I-901 Form and Payment ใช้บัตรเครดิตจ่ายได้เลยค่ะ
แล้วใช้ใบเสร็จนั้น(ที่มันจะขึ้นมาให้ตอนจ่ายเสร็จ) เอาไปยื่นวันสัมภาษณ์ค่ะ จิงๆรอใบเสร็จจริง(แบบสวยงาม)ที่เค้าจะส่งมาก็ได้ แต่ถ้าไม่ทันจิงๆก็ใช้ใบเสร็จ Print out ไปก่อนก็ได้ ไม่ว่ากัน แต่เค้าจะมีให้เลือกว่าจะส่งใบเสร็จจริงแบบด่วนไหมด้วย ก็แล้วแต่ละกันนะคะ ระยะเวลาการส่งของเค้า ใช้เวลาประมาณเกือบ 1 เดือน นานมากกก
3) การขอวันสัมภาษณ์ แบบเก่าต้องซื้อ Pin แต่แบบใหม่ไม่ต้องแล้วนะค่ะ และจะจองสัมภาษณ์ได้ ต่อเมื่อจ่ายค่าธรรมเนียม($160) แล้ว ที่ธนาคารกรุงศรีอยุทธยา หลังจากจ่ายเงินแล้ว จะมีข้อมูลในระบบว่าเราจ่ายแล้ว ก็ถึงจะนัดวันสัมภาษณ์ได้
แต่ถ้ารีบจริงๆ ก็ขอทางสถานทูตได้ค่ะ โดยอีเมลล์ไปหาเค้า
การนัดหมายกรณีเร่งรัด:
ผู้ยื่นคำร้องต้องกำหนดวันนัดหมายเพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์วีซ่า และส่งอีเมล์มาที่ visasbkk@state.gov สำหรับสถานกงสุลที่กรุงเทพฯ หัวข้ออีเมล์ระบุ: คำร้องขอเร่งรัดการนัดหมายขอวีซ่าชั่วคราว และระบุ หมายเลขยืนยันการนัดหมาย ชื่อ-นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ และเหตุผลที่จำเป็นต้องขอเร่งวันนัดหมาย
4) เตรียมตัวไปสัมภาษณ์
สรุปเอกสารที่เค้าเอาไปจากเราก่อนนะคะ (เอกสารอื่นใส่ไปแต่เค้าคัดออกหมดเลย เค้าบอกว่าอันอื่นเจ้าหน้าที่จะขอเองตามเหตุการณ์)
1.Passport เล่มปัจจุบัน+Passport เล่มเก่าที่มี VISA อเมริกาเก่าอยู่
2. I-20 ที่ได้จากโรงเรียน
3.ใบเสร็จ SEVIS FEE $200 ที่จ่ายผ่านเวปด้วยบัตรเครดิต (เช็คค่าธรรมเนียมที่นี่ http://www.ice.gov/sevis/i901/)
4.Transcript/ใบจบ ตอนปริญญาตรี
5.ค่า VISA $160 จ่ายที่ธนาคารกรุงศรีอยุทธยา
6.จดหมายตอบรับเรียนที่ได้จากทางมหาลัย
เอกสารอื่นๆเอาไปเผื่อก็ดี เอาไปเกินไม่เสียหาย เอาไปขาด....จะหาได้จากไหนล่ะ!!?!!
::: คำถามที่เค้าถาม ::: ถามเป็นภาษาอังกฤษนะคะ
1. ทำไมจะเข้า US? > ก็บอกว่าไปเรียน
2.เรียนอะไร
3.เรียนเกี่ยวกับอะไร
4.ทำไมถึงเรียนคณะนี้
5.กลับมาไทยจะทำงานอะไร
6.จบอะไรมา คณะอะไร (พอดีเค้าเปิดไปเจอ Transcript)
7.ใครออกค่าใช้จ่ายให้/แล้วพ่อแม่ทำงานที่ไหน
8.ทำงานที่ไหนมาก่อน?(พอดีออกมาได้เกือบ 8 เดือนแล้วค่ะ)
ที่สำคัญต้องตอบทุกอย่างเป็นความจริง!!
::: Pitstop ต่างๆในสถานฑูต :::
1.ประตูเข้า >> ต่อแถวก่อน ไปก่อนเวลาซัก 1 ชม.กำลังดีค่ะ ถึงยังไม่ใช่เวลานัด เค้าก็จะปล่อยให้เราเข้าไปข้างใน เป็นเซตๆ อย่าพรวดพราดเข้าไปนะคะ ให้เค้าเรียกก่อน (คนเขียนได้รอบบ่ายค่ะ)
2.จุดเช็คชื่อ >> ยื่นให้เค้าแต่ ใบ Confirmation DS-160 ที่เป็นใบเดี่ยวๆ มี barcode กับ Passport เล่มใหม่ เค้าจะเขียนอะไรซักอย่าง บน ใบ Confirmation แล้วก็คืนมาค่ะ
3.จุดฝากเครื่องใช้ Electronic >> ฝากมือถือ/และของตระกูล I เช่นIphone/Ipad/Ipod/BB/กล้อง/เพจเจอร์(ยังจะมีกันอยู่ไหมเนี่ย)/laptop และอื่นๆ เค้าจะให้บัตรสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆมา แล้วก็อย่าลืมหยิบที่ห้อยบัตรมาด้วยนะคะ เพื่อความสะดวกในการถือ จะได้ไม่หล่นหายด้วย
*** ปัจจุบันตอนนี้ โลหะทุกชนิดและอุปกรณ์อิเล็คโทนิคไม่สามารถนำเข้าไปได้แล้วนะคะ ไม่สามารถฝากกระเป๋าได้แล้ว อนุญาตให้ฝากมือถือได้แค่คนละเครื่องเท่านั้นดังนั้นสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ในการสัมภาษณ์ไม่ควรนำไป
4.จุดสแกนร่างกาย >> กระเป๋าก็ต้องโดนสแกนด้วยนะคะ
**ก่อนออกจากห้องนี้อย่าลืมหยิบใบฟ้าๆที่ไว้กรอกข้อมูลที่อยู่เราด้วยนะคะ
5.จุดคัดแยกเอกสาร >> ก็เอาเอกสารของเราไปให้เค้าดู ว่าจะเอาอันไหนบ้าง แล้วเค้าก็จะคัดออกมาให้เราเก็บไว้ เอกสารที่เค้าจะใช้ ก็จะมีแฟ้มใสใส่เองค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเอา Portfolio อลังไปนะคะ เดี๋ยวจะเสียเวลาหยิบออกกัน จากนั้นเค้าจะให้เราไปเขียนใบฟ้านั้น แล้วกลับมาหาเค้าอีกที แล้วเค้าจะบอกว่าเราต้องไปช่องไหนต่อค่ะ
6.จุดสัมภาษณ์เบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ไทย+สแกนนิ้วด้วย >> ก็ยื่นเอกสารที่จุด 5 คัดให้แล้วเค้าก็จะถามเบื้องต้น ไปทำอะไร ขอวีซ่าอะไร ไปนานแค่ไหน มีญาติอยู่ที่นั้นไหม กรอกฟอร์มนี้เองไหม มีคนนึงข้างหน้าเรา เค้าคงทำ DS-160 ผิดไป ไปกรอกว่า passport นี้ออกที่ Taiwan คือ ประเทศเรากับ Taiwan มันใกล้กันใน drop down listอะคะ เพราะฉะนั้น เวลากรอก DS-160 ระวังด้วยนะคะ!!! ...... จากนั้นเค้าจะให้คืนแฟ้มใส+บัตรคิวสัมภาษณ์วีซ่าให้เรา อ๋อ มีให้สแกนนิ้วมือด้วย ทั้งสองข้าง(4นิ้วชิด)+หัวแม่โป้งทั้ง 2 นิ้วด้วยค่ะ กดแน่นๆ(=สแกน 3 ครั้ง) รอให้มันปี๊ดแล้วค่อยเอาออก เปลี่ยนข้างนะคะ
7.จุดสัมภาษณ์กับคนอเมริกันตัวจริง >> ก็ยื่นแฟ้มให้ แล้วก็สัมภาษณ์ๆๆๆๆๆ ระหว่างสัมภาษณ์ เค้าก็จะให้เราสแกนนิ้ว โดยสุ่มมา 1 นิ้ว มา matching กับ ตอนสแกนครั้งแรกด้วยค่ะ เราโดนนิ้วโป้งข้างขวา (ตอนแรกก็นึกว่าให้ทำนิ้วตามรูปตัวอย่าง เลยจะเอานิ้วนั้นลงตอนแรก เพราะฉะนั้นฟังเค้าดีๆว่าจะให้สแกนนิ้วไหนก่อนนะคะ อย่าเอ๋อแบบคนเขียน)
List รายการที่ต้องจ่าย
1) ค่าวีซ่า จ่ายที่ ธนาคารกรุงศรีฯ $160
2) SEVIS FEE จ่ายผ่านเวป https://www.fmjfee.com/i901fee/ ต้องมีรหัส I-20 ถึงจะจ่ายได้
Noya
Jun 29th, 2011
http://memyselfandi.exteen.com/
อัพเดทข้อมูลราคาค่าธรรมเนียม และแก้ไขข้อมูลบางส่วน โดย LinZ : KhonthaiAmerica 21/02/14
ส่งท้ายเล็กน้อย : หลายคนเข้าใจเอาเองว่าสมัครเรียนเองถูกกว่าใช้บริการจากเอเจนซี่ แต่ความจริงแล้ว เอเจนซี่ส่วนใหญ่รับบริการทำส่วนนี้ให้ฟรีเนื่องจากรายได้เค้าจะมาจากค่าคอมจากทางสถาบัน (นอกจากมีบางเอเจนซี่ที่ชาร์ทเพิ่มต้องดูดีๆ) และส่วนใหญ่ราคาค่าเรียนมักจะได้เรทราคาที่ถูกกว่าสมัครเองด้วย เนื่องจากทางเอเจนซี่มักจะได้เรทราคาลดพิเศษจากทางสถาบัน
ถ้าหากใครสนใจใช้บริการสมัครเรียและช่วยดำเนินการให้ทุกขั้นตอน รวมถึงช่วยติวสัมภาษณ์วีซ่าให้ด้วยสามารถติดต่อเราได้ค่ะ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.khonthaiamerica.com/forum.php?mod=viewthread&tid=183&extra=page%3D1