เวลาจะพูดปฏิเสธ เรามักจะนึกออกแค่คำว่า "No" ใช่มั้ยคะ แต่บางครั้งอาจจะเป็นการปฏิเสธที่ทำร้ายน้ำใจเกินในบางสถานการณ์ วันนี้จึงรวมประโยคที่เอาไว้พูดหากจะปฏิเสธใคร มาให้ได้ฝึกใช้กันค่ะ
FreeImages.com
1. ปฏิเสธแบบรักษาน้ำใจ
หลายคนน่าจะเคยมีโมเมนต์เวลาที่ใครนำอะไรมาเสนอให้ หรืออาจจะมีคนมาถามว่าเราอยากได้ของอันนี้มั้ย แต่ถ้าเราอยากปฏิเสธแบบไม่หักหน้าคนฟัง อย่างแรกเลยเราต้องขอบคุณก่อน แล้วก็ตามด้วยการให้เหตุผล เช่น
“Thank you for asking, but that isn’t going to work out for me.”
ขอบคุณที่ถามเรานะ แต่มันคงไม่ค่อยจะเวิร์กกับเราสักเท่าไหร่อ่ะ
2. ปฏิเสธและแสดงความสนใจ
สำหรับประโยคในข้อนี้ จะเจอบ่อยมากกับในสังคมการทำงาน ยิ่งช่วงเวลาที่มีคนติดต่องานมาเยอะๆ บางทีเราก็ไม่สามารถรับได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่อยากจะเสียโอกาสที่มีคนหยิบยื่นมาให้ เลยเลือกที่จะปฏิเสธและเสนอแนวทางให้เค้าติดต่อมาภายหลัง หรือถ้าจำเป็นต้องปฏิเสธนัดกับใคร ก็ลองเสนอแนวทางอื่นที่จะพบกับเค้าให้ได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราอยากร่วมงานหรืออยากเจอกับเค้าจริงๆ ตัวอย่างประโยค เช่น
“I want to do that, but I’m not available until April. Will you ask me again then?”
“ผมอยากทำมาก แต่ก็ไม่ว่างเลยจนถึงเดือนเมษายน คุณช่วยติดต่อมาภายหลังได้มั้ยครับ?"
“None of those dates work for me, but I would love to see you. Send me some more dates.”
“ไม่มีวันไหนที่สะดวกสำหรับผมเลยจริงๆ แต่ผมอยากพบคุณนะ พอจะเป็นวันอื่นได้มั้ยครับ”
“I can’t put anything else on my calendar this month, but I’d love to do that with you sometime. Will you call me right before you go again?”
“ผมไม่สามารถลงคิวให้กับใครในปฏิทินเดือนนี้ได้จริงๆ แต่ผมอยากร่วมงานกับคุณนะครับ ถ้ายังไงรบกวนคุณช่วยโทรมาก่อนอีกครั้งได้มั้ยครับ?”
3. ปฏิเสธและแนะนำคนอื่นให้
ข้อนี้ก็จะต่อมาจากข้อที่แล้ว แต่เปลี่ยนจากการที่บอกให้ติดต่อมาภายหลัง เปลี่ยนเป็นแนะนำคนอื่นที่เรารู้จักให้ อาจจะเป็นคนที่เราเห็นว่าเค้าเหมาะสมกับงานนั้นๆ เช่น
“I can’t do it, but I’ll bet Palitchoke can. I’ll ask him for you.”
“ผมคงทำไม่ได้อ่ะ แต่ผมคิดว่าคุณผลิตโชคทำได้ เดี๋ยวผมไปถามเค้าให้คุณนะ”
“I just don’t have time right now. Let me recommend someone who may be able to help you.”
“ฉันไม่มีเวลาในตอนนี้จริงๆ ถ้างั้นฉันขอแนะนำคนนึงที่น่าจะช่วยคุณได้”
4. ปฏิเสธและทำให้พอใจด้วยวิธีอื่น
สมมติว่ามีคนที่สนิทกับเรามากๆ มาเชิญชวนเราให้ไปงานที่นำเสนอผลงานหรือสินค้าใหม่ของเค้า แต่เราไม่สามารถไปได้จริงๆ แต่ก็กลัวว่าเค้าจะเสียใจ และเราเองก็ไม่อยากให้เค้ารู้สึกผิดหวังที่เค้าอุตส่าห์ชวนเรา ถ้าอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้า คายไม่ออกแบบบนี้ ก็ลองปฏิเสธดูก่อน แล้วเสนอทำให้เค้าพอใจด้วยวิธีอื่น เช่น
“I can’t speak at your event, but I will help you promote it on my blog.”
“ฉันไม่สามารถไปพูดที่งานของเธอได้จริงๆ แต่ฉันจะช่วยโปรโมตลงในบล็อกของฉันให้นะ”
5. ปฏิเสธพร้อมขอโทษแบบรู้สึกซาบซึ้ง
กับใครสักคนที่เรารู้สึกว่าเค้าทำดีกับเรามากๆ และรู้สึกไม่อยากปฏิเสธ แต่มันจำเป็นที่ต้องปฏิเสธ วิธีพูดก็คือ ให้พูดแสดงถึงความจริงใจว่าเรารู้สึกซาบซึ้งกับเค้าจริงๆ และจากนั้นก็ปฏิเสธให้ดูสุภาพ
“Thank you so much for your support! I’m sorry I’m not able to help you at this time.”
“ขอบคุณมากเลยนะครับที่คอยสนับสนุนเป็นกำลังใจให้ แต่ผมต้องขอโทษที่ไม่สามารถช่วยคุณในครั้งนี้ได้จริงๆ”
6. ปฏิเสธแบบเด็ดขาด
ในกรณีที่เราต้องกล่าวปฏิเสธแบบเด็ดขาดจริงๆ และไม่อยากให้พูดถึงเรื่องนี้อีก ก็จะมีประโยคเฟียร์สๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้ในกรณีนี้ เช่น
“Thanks, I’ll have to pass on that.”
“ขอบคุณค่ะ แต่คงต้องขอผ่านเรื่องนี้ไปก่อน”
“I wish I could, but it’s just not going to work right now.”
“ผมก็หวังว่าจะทำได้ แต่คงไม่ใช่ในเวลานี้”
7. ปฏิเสธโดยอ้างคนอื่นเป็นเหตุผล
วิธีนี้น่าจะเป็นการปฏิเสธที่หลายคนน่าจะใช้บ่อยมาก หรือบางคนอาจจะมีธุระที่นัดไว้กับคนอื่นไว้ก่อนแล้ว เลยจำเป็นต้องบอกปัดพร้อมบอกว่านัดกับคนอื่นไว้แล้ว เช่น
“I promised my husband I wouldn’t take on any more projects right now. I’m working on creating more balance in my life.”
“ฉันสัญญากับสามีฉันไว้ว่า ตอนนี้จะไม่ทำโปรเจ็กต์อื่นๆ ไปมากกว่านี้แล้ว เพราะว่าฉันกำลังสร้างสมดุลให้กับชีวิต”
“Thanks so much for the invite, that’s the day of my son’s soccer game, and I never miss those.”
“ขอบคุณมากที่ชวน แต่ว่ามันตรงกับวันแข่งฟุตบอลของลูกชายของฉันพอดีเลยอะดิ และก็ไม่อยากผิดนัดลูกด้วย"
“I appreciate you thinking of me, but I’m afraid I’m already booked that day.”
“ผมซาบซึ้งมากที่คุณนึกถึงกัน แต่ผมเกรงว่าผมมีนัดแล้วในวันนั้น”
8. ไม่ตกลงและก็ไม่ปฏิเสธ
เวลามีใครมาเสนออะไรก็ตาม แต่เรายังไม่สามารถตัดสินใจในตอนนั้นได้จริง เลยเลือกที่จะขอเก็บไปคิดก่อนแล้วให้คำตอบในภายหลัง ก็มีวิธีพูดสำหรับสถานการณ์นี้ (อันนี้ใช้บ่อย 555) เช่น
“Let me think about it, and I’ll get back to you.”
“ฉันขอคิดก่อนนะ เดี๋ยวจะมาให้คำตอบทีหลัง”
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประโยคที่ไม่ได่กล่าวถึงในกระทู้นี้ ไว้มาเรียนที่ต่างประเทศอาจจะได้เรียนรู้หลากหลายประโยคมากขึ้นค่ะ ส่วนใครที่สนใจเรียนที่อเมริกา อังกฤษ สก็อตแลนด์ ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ อีเมล enroll@khonthaiamerica.com หรือทาง Inboxhttps://www.facebook.com/KhonThaiAmerica ทางเรามีเจ้าหน้าที่ดูแลนักเรียนอยู่ตามเมืองต่างๆ นะคะ
โดย Ice : KhonThaiAmerica
ที่มา
พี่วุฒิ https://www.dek-d.com/studyabroad/50239/
|